22.6.55

ดราม่ากะจุดยืน


ไม่น่าเชื่อเลยว่า ละครหนุ่มบ้านไร่หวานใจไฮโซอะไรนี่จะทำเราน้ำตาเล็ดได้
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไร เจอแต่เรื่องดราม่าของคนอื่น
แม่งการเสพเฟสบุ๊คและการดูละครหลังข่าวนี่ กระตุ้นต่อมเซนส์ซิทีฟมากกว่าที่คิดเยอะนะ 

วิเคราะห์ตัวเองแล้ว หมี่เป็นคนไม่มีจุดยืนในเรื่องที่่ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้อง
คิอมาถามว่ากูคิดยังไง เลือกอะไรนี่ ตอบไม่ได้ เป็นนกหลายหัวมาก
หลายๆ อย่างก็ทำไปโดยที่ไม่ได้เกิดจากความตั้งมั่นหรืออุดมการณ์อะไรในจิตใจ
คงอารมณ์ชนชั้นกลางทั่วไป
ไหลตามกระแสไปเรื่อยๆ และเรื่อยๆ 
คิดบ้าง อินบ้างในบางเรื่อง และก็ไม่สนใจเหี้ยไรเลยในบางเรื่อง

ดูไร้สาระไปวันๆ
แต่บางทีก็อยากจะรู้จริงๆ ว่าคนเราแม่งต้องมีจุดยืนอะไรในชีวิตด้วยเหรอ
ไม่มีแล้วเป็นอะไรมั้ย

เพราะเท่าที่ดูจากชีวิตของตัวเองแล้ว
แม้จะไม่รู้ว่ามีอุดมการณ์อะไร แต่ทุกการกระทำก็มีเหตุผลที่เป็น "กู" เสมอ
คือกูเชื่อแบบนั้นอะแหละ มันเลยทำแบบนั้น ณ ตอนนั้น 
ไม่ได้มีอุดมการณ์อะไร ไม่ได้มีจุดยืน 
แต่ก็รู้สึกว่าชีวิตไม่ได้มีปัญหาอะไรนะเว้ย

เรื่องนึงที่หมี่เชื่อนะ หมี่คิดว่า ชีวิตของคนเรามันน่าจะเป็นไปตามทางที่ตัวเองเชื่อ
คือบางทีแม่งตัวมันเองก็ไม่รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วเชื่อหรือยึดมั่นในวิถีทางแบบไหน
แต่สิ่งเหล่านั้นบอกได้ด้วยชีวิตที่เห็นนั่นแหละ
คนที่ไม่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ก็แปลว่าไม่ได้เชื่ออย่างนั้นรึเปล่าวะ
ปากพูดยังไงก็ได้ แต่ใจกับความรู้สึกมันส่งผลออกมามากกว่าอยู่แล้วนะ

ทีนี้ปัญหามันเกิด แล้วคำถามก็เกิด 
คนที่เชื่อไม่เหมือนกัน หรือคิดว่าเรากับเขาเชื่อไม่เหมือนกัน
มันควรจะอยู่ด้วยกันได้มั้ย เดินร่วมทางกันได้มั้ย 

ข้อหนึ่ง ตามทฤษฎีของหมี่ ถ้า ชีวิตมันวิ่งมาป๊ะ ปะทะกันแล้ว มันแปลว่าต้องมีอะไรที่ร่วมกันมาอยู่บ้าง
เรื่องที่เชื่อไม่เหมือนกันก็มี แต่เรื่องที่เชื่อเหมือนกันก็น่าจะมี เอายังไงต่อ?

ข้อสอง แน่ใจแล้วเหรอ ว่าอุดมการณ์และจุดยืนของเราที่คิดว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่ มันถูกต้องจริง
สำคัญจริง มันจะเปลี่ยนไปอีกมั้ยในวันข้างหน้า ถ้าหลายๆ อย่างพังไปเพราะเรื่องพวกนี้แล้ววันนึงเกิดค้นพบว่าไม่ใช่ว่ะ จะหน้าแตกจะเสียใจมั้ยวะ?

ข้อสาม รู้ได้ยังไงว่าจริงๆ แล้วไอ้คนที่จุดยืนไม่เหมือนเรา มันไม่เหมือนจริงรึเปล่า ไม่แน่ว่ามันอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้นะว่ามันเชื่ออะไรอยู่ ทุกอย่างแม่งอาจจะเป็นการเข้าใจผิด แม้แต่เราเองก็อาจจะยังไม่ชัวร์ก็ได้ว่าอะไรคือจุดยืนของกูในเรื่องนั้นเรื่องนี้กันแน่วะ แล้วบางทีมันก็เป็นแค่จุดยืนในเรื่องเล็กๆ เรื่องนึงที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิต แล้วตัดสินกันไป ทะเลาะกันไป ลากมาเชื่อให้เหมือนกันไป แล้วไง? 

ข้อสี่ ไม่เห็นสนุกเลย เจอแต่คนที่คุยเรื่องเดียวกับตัวเอง สนับสนุนความเชื่อเดิมๆ พูดเรื่องอุดมการณ์ของตัวเองกันไปเรื่อยๆ ไม่ตื่นเต้นอะ ไม่สร้างสรรค์ ไม่เปิดโลก ยังกะลัทธิ โลกไม่กว้าง

คิดไปเรื่อย ตั้งคำถามไปเรื่อย แต่คิดอีกทีแล้วเรื่องพวกนี้มันไม่ใช่ประเด็นนะ  
การคุยกันด้วยคนละความเชื่อคนละจุดยืนไม่ใช่เรื่องเสียหายซะหน่อย
ถามก็ตอบกันไป ไม่เห็นด้วยก็หาเหตุผลมา ยอมรับรึเปล่าก็เรื่องของแต่ละคน
จะไปหงุดหงิดหรือคับแค้นใจกับความแตกต่างอะไรพวกนี้ มันก็ช่วยอะไรไม่ได้เลยนะ
ใครจะยอมรับหรือไม่ ถ้าหากสิ่งที่เราเชื่อมันถูกต้อง เดี๋ยวชีวิตมันก็ส่งผลออกมาเอง
คนอื่นเห็นก็รู้เองว่าเรามีความสุขกับทางที่เราเดิน
แค่นี้ก็จบแล้ว ไม่เห็นยากเลย

ดราม่ากับละครอย่างมากก็น้ำตาไหล
แต่ดราม่าเรื่องอื่น เห็นแล้วมันปวดใจนะ 




ไม่มีความคิดเห็น: