29.6.51

กลับมา...

วันนี้ได้ไปโบสถ์แค่แป๊บเดียวเอง
ต้องไปขายของให้แม่ที่ร้าน

กลับมาบ้านแล้วได้ฟังข่าวดีหนึ่งอย่าง
ตอนอาบน้ำก็คิดถึงน้องสาวคนหนึ่ง
ที่เคยสนิทกันมาก รักมาก
ตอนนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน
ชีวิตอยู่กันคนละที่

เขาไปผ่าตัด
ที่ต้องโดนเส้นประสาท
ทำให้เขาความจำเสื่อม

จำอะไรไม่ได้เลย
จำหมี่ไม่ได้ด้วย

ทำอะไรไม่ได้นอกจากพยายามโทรไปคุยและอธิษฐานเผื่อ

วันนี้ได้ยินข่าวดี ที่น่าดีใจมาก
น้องสาวคนนั้นมาโบสถ์ กับพี่ที่มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง

เหมือนพระเจ้าพาเขากลับมา
กลับมาในที่ที่เป็นของเขาอีกครั้ง

หลายครั้ง
สิ่งที่เกิดก็เป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดไว้

สิ่งที่ดูไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น

ทุกอย่างเป็นความจริง
ที่ล้วนแล้วแต่มีผลทางความรู้สึก

ไม่ว่าใครหนึ่งคนในชีวิตจะไปไหน
จะเป็นอย่างไร
อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของเขา

แต่วันหนึ่งเขาจะกลับมา
อยู่ในที่ที่เขาควรอยู่อีกครั้ง

รอคอยด้วยความรู้สึก
แต่เชื่อด้วยความจริง

You'll come back, when they call You.

It started out as a feeling
Which then grew into a hope

Which then turned into a quiet thought
Which then turned into a quiet word

And then that word grew louder and louder
Til it was a battle cry

I'll come back
When you call me
No need to say goodbye

Just because everything's changing
Doesn't mean it's never been this way before

All you can do is try to know
Who your friends are
As you head off to the war

Pick a star on the dark horizon
And follow the light

You'll come back
When it's over
No need to say good bye

You'll come back
When it's over
No need to say good bye..


Now we're back to the beginning
It's just a feeling and no one knows yet

But just because they can't feel it too
Doesn't mean that you have to forget

Let your memories grow stronger and stronger
Til they're before your eyes

You'll come back
When they call you
No need to say good bye

You'll come back
When they call you
No need to say good bye..

I love this song and I love this movie.
Love You, my Aslan...

27.6.51

อัสลาน...

ได้ไปดู นาร์เนีย ภาค 2 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
คราวนี้ เด็กๆ (ที่โตกันหมดแล้ว) ต้องต่อสู้กันอย่างแสนสาหัส
โดยปราศจากวี่แววของอัสลาน... ผู้นำที่ทุกคนวางใจ

หลายๆ ครั้ง ชีวิตเราก็ต้องเผชิญกับอะไรหลายๆ อย่างด้วยจิตใจที่หวั่นไหว
เพราะไม่มีคนหนึ่งคนที่เราพึ่งพาได้อยู่ข้างๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นมีอยู่ 2 ตัวเลือก
สู้ต่อไป เหมือนมีที่ปรึกษาคนนั้นอยู่ใกล้ๆ
หรือตัดสินใจก้าวไปข้างหน้าตามใจตัวเอง

เวลาที่ตามใจตัวเอง หลายครั้งก็เกิดจากอาการโกรธ
คนทีอยากจะปรึกษา ไม่อยู่ให้ปรึกษา
ทำเองก็ได้ (วะ)

อัสลานยังคงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่
สาวกทุกคนสามารถเชื่อมั่นและพึ่งได้เสมอ
เพียงแต่การที่มองไม่เห็นอัสลาน... ทำให้ความวางใจลดน้อยลง
และสิ่งดีๆ ที่เคยมีในตัวของแต่ละคน เริ่มหายไป

วันที่เราตามหาอัสลานด้วยความเชื่อ
ด้วยใจที่ต้องการการช่วยเหลือจริงๆ.....


อัสลานจะมาทันเวลาเสมอ

เพราะอัสลานไม่เคยไปไหน




รู้อย่างนี้แล้ว...
ทุกครั้งที่สู้และเผชิญกับสิ่งใดๆ
ก็คงไม่จำเป็นต้องกลัวหรือหวั่นไหวอีกนะ

21.6.51

- - อบอุ่น และยังคงอบอุ่นอยู่ - -

วันนี้ ช่วงพักกลางวัน...
หลังจากมีการประสานงานมากมายนับล้านเกิดขึ้นในชีวิต
อยู่ดีๆ ก็นั่งนึกถึงวันเก่าๆ เมื่อปีที่แล้ว
...ไม่น่าเชื่อว่า เราจะผ่านปัญหาต่างๆ มาได้จนทุกวันนี้ ...
มี moment ที่รู้สึกเหมือนชีวิตมีแต่ความล้มเหลว
และสร้างปัญหาให้กับคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
กลับไปนึกถึงตอนนั้นแล้วจำอารมณ์เศร้าสุดขีดของตัวเองได้

แบบว่า... ร้องไห้ไม่หยุด
ร้องไห้ต่อหน้าประชาชนมากมายในบริษัทด้วย
.....


ผ่านวันนั้นมาได้จนถึงวันนี้
ปัญหามีมากขึ้น
แต่ผิดพลาดน้อยลง (อาจจะจำนวนมากขึ้น แต่สัดส่วนถือว่าน้อยกว่าเดิมน่า)
ความรับผิดชอบมีมากขึ้น
แต่ความเครียดมีน้อยลง
ความกดดันมีมากขึ้น
แต่ความทุกข์มีน้อยลง

ซึ่งกว่าจะผ่านมาได้เหอะ
เป็นความอัศจรรย์จริงๆ

ที่แน่ๆ มีหนึ่งอย่างที่ช่วยกู้ชีวิตในเวลาแบบนั้น
เช่น การที่มีคนร้องไห้อยู่ข้างๆ เวลาที่เราร้องไห้
มีความเข้าใจและเห็นใจอยู่ในทุกเวลา
มือที่พร้อมจะดูแลและช่วยเหลือประคับประคอง

อันนี้ก็เป็นความอัศจรรย์ที่มีคนแบบนั้นอยู่ข้างๆ เราเต็มไปหมด
และเป็นความอัศจรรย์ที่สิ่งเหล่านี้ทำให้เราก้าวข้ามผ่านปัญหาและความบ้าบอทุกอย่างมาได้

เชื่อไหมว่า ความรู้สึกอบอุ่นของวันนั้น ยังคงมีมาจนถึงวันนี้
และคนที่อยู่ข้างๆ เหล่านั้น ก็ยังไม่เคยห่างไปจากชีวิตอีกเลย

สิ่งที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต ตอนนี้นึกได้ 2 อย่าง
เวลาและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
เวลา ต้องถูกจัดการให้ดี เพราะมีผลถึงอนาคต
และความสัมพันธ์ ต้องถูกดูแลอย่างดี เพราะเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตในแต่ละวัน

ขอบคุณพระเจ้าค่ะ ที่มีคนรอบข้าง

18.6.51

- - หมดวัน - -

ชีวิตของมนุษย์นี่ ขึ้นอยู่กับเวลาสักกี่เปอร์เซ็นต์นะ
เหมือนกับเวลาผ่านไปเร็วมาก
จนทำให้เครียดและกดดัน

แป๊บๆ ก็ตื่นนอน
และแป๊บๆ ก็หมดวัน

ที่พระเจ้าบอกว่าจะเร่งวันเร่งคืนนี่
ไม่ใช่คำเปรียบเทียบใช่ไหมคะ

อยากนัดเจอเพื่อนอีกตั้งหลายกลุ่มก่อนสิ้นเดือน
มีอีกหลายโปรเจ็คจะต้องทำภายในไม่กี่เดือนนี้
เดือนหน้าก็จะต้องทำอะไรใหม่ๆ อีกหลายอย่าง

เวลามันผ่านไปเร็วมากๆ เลย
แป๊บเดียวเอง
หมดวันซะแล้ว

ถ้าคนเราไม่ต้องนอนได้ก็ดีสินะ ... เอาเวลาไปปั่นงาน
แต่ก็อย่างว่า ... การนอนเป็นความสุขสุดยอดของมนุษย์นี่นา
พระเจ้าตั้งใจให้มาด้วย ... ควรใช้ให้คุ้ม
(แค่นี้ก็โดนประทับตรา "บ้างาน" จากหลายสถาบันไปแล้ว เฮ้ออออ)

ถ้า 100 เปอร์เซ็นต์ ของมนุษย์คือเรื่องของเวลา
ป่านนี้ต้องเครียดตายไปแล้วแน่ๆ
น่าดีใจที่ไม่ใช่แบบนั้น
หลายๆ ที ที่หมดวันไปกับความไม่ทันเวลาของการทำงาน
อาจจะได้ความสำเร็จกับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง
และได้การเรียนรู้ใหม่ๆ มาทดแทน

ขอบคุณพระเจ้าที่โลกนี้มีอะไรมากกว่างาน และการไหลผ่านไปของเวลา

16.6.51

เชื่อใจ และ ให้เกียรติ

วันนี้ไปงานแต่งงานของเพื่อน
ไม่ได้เข้าไปในงาน เพราะไปช้า
อุตส่าห์แต่งตัวซะสวยเลย

ก็เลยได้นั่งคุยกับเพื่อนอีกคนที่ไปด้วยกัน
คุยถึงชีวิตคู่ของเพื่อนคนนั้น คนนี้
รวมถึงความรักของเพื่อนสาวของเราด้วย
(ยังไม่มีใครแต่งงาน แต่คบกันเสมือนจะแต่งแล้ว)

ได้คำตอบมา 2 อย่าง
ความรักที่ไม่ให้เกียรติกัน ก็ไม่สามารถทำให้คนอีกฝ่ายอยู่อย่างมีความสุขได้
และความรักที่ไม่ได้มีความเชื่อใจ
ไม่สามารถทำให้เราอยู่อย่างมีความสุขได้เช่นกัน
โดยเฉพาะคนที่ไม่เชื่อใจคนอีกฝ่าย
หัวใจก็คงว้าวุ่นหวั่นไหว...
ตลอดเวลา

ยังคงยืนยันเหมือนเดิม
ชีวิตคู่ เป็นชีวิตที่อบอุ่น...
ถ้าคู่นั้น รัก ให้เกียรติ และเชื่อใจซึ่งกันและกัน

13.6.51

- - เมื่อโลกหมุนเร็วเกินใจ - -

เช้าวันพุธ ตื่นมาตอนหกโมงกว่าๆ
กับเรื่องมากมายในรายการสนุก 3 ดี วนเวียนอยู่ในหัว
มีอะไรเยอะเหลือเกินที่จะต้องทำให้เกิด แต่ยังไม่เกิด
ก็เลยทำให้เวลาชั่วโมงนึงที่หลับต่อ
หลับได้ไม่สนิทเท่าไหร่...
คิดอยู่แต่เรื่องเดิม

(คิดจนถึงขึ้นรถเมล์ แล้ว list งานในหัวออกมาได้ ถึงค่อยโล่งใจ)

ผ่านไป 2 วัน
เมื่อวานนอนตอนตี 3 ที่ออฟฟิศ
งานก็เสร็จอยู่
แต่ไม่เสร็จได้ครบเหมือนที่ตั้งใจ

แล้วก็มีอะไรอีกมากมาย
ที่รู้สึกว่าทำไมมันถึงยังไม่เสร็จซะที
นี่มันเดือนมิ.ย. ใกล้จะ ก.ค. แล้ว
มีอีกตั้งหลายอย่างยังไม่ได้ทำ

เริ่มกลัวอนาคต
หลอน... ว่า deadline จะผ่านไปโดยไม่มีอะไรสมบูรณ์
งานจะไม่ดีอย่างที่ตั้งใจไว้
แผนต่างๆ ที่ยังไม่ได้เริ่มวาง ก็กลัวจะช้าเกินไป
ปล่อยให้เวลาและโอกาสที่ดีๆ ผ่านไปเรื่อยๆ อย่างน่าเสียดาย
ไม่มีอะไรที่ทันเวลาได้ดั่งใจซะที

เหมือนเป็นเด็กเอาแต่ใจตัวเองไหม
การทำงานให้สำเร็จแต่ละอย่างได้ มันมีองค์ประกอบที่มากมายกว่านั้น
เทคโนโลยี เครื่องมือ เงิน ทีมงานที่ดี
ก็สำคัญและจำเป็นไม่แพ้ใจของเราเอง

การเดินไปคนเดียวอาจจะเร็วกว่า
แต่ว่าการไปกับเพื่อนรอบข้างมีความสุขและถึงเป้าหมายอย่างสมบูรณ์กว่า

สำหรับในเวลาที่ดูเหมือนเร่งด่วนอยู่ตลอดเวลา
เราคงทำได้แค่ ทำให้ 24 ชั่วโมงที่มีอยู่
เป็น 24 ชั่วโมงที่คุ้มค่า
กับคนอื่น
กับตัวเรา

แม้สำหรับหมี่ โลกหมุนเร็วเกินใจ แต่ว่าโลกคงไม่หมุนเร็วเกินไป

10.6.51

ที่ 100

บทความที่กำลังพิมพ์ตอนนี้ เป็นบทความที่ 101
ใครจะรู้ว่าบทความที่ 100 คือบทความที่เขียนในวันเกิดอายุ 25 ของเรา
5 มิ.ย. 2551

ก็ไม่ได้เชื่อเรื่องโชคลางตัวเลขใดๆ
แต่เชื่อเสมอว่า ไม่มีอะไรบังเอิญ
รวมถึงความเหมาะเจาะแบบนี้ด้วย
เลขสวยๆ มันก็ตื่นเต้นดี

ไม่ได้เขียน blog มาเกือบสัปดาห์
ไม่ได้ขี้เกียจเขียนแต่อย่างใด
แต่ว่ากลไกชีวิตมันวิ่งเร็วมาก
เร็วมากๆๆๆ
แล้วก็วุ่นวายไปหมด
เหลือเวลาสำหรับพักใจน้อยเกินไป
(ส่วนเวลาสำหรับพักกายไม่ต้องห่วง ถึงเวลา ปิดโหมดอัตโนมัติ)

วันนี้ได้คุยกับน้องคนหนึ่ง พูดถึงความขี้ลืมของคน
คนบางคน ขี้ลืมตั้งแต่เล็กแต่น้อย ขยันลืมบ่อยจนน่าแปลกใจ
และคนบางคน ยิ่งทำงานเยอะ ดูเหมือนเก่งขึ้น แต่กลับขี้ลืมได้มากกว่าเดิม
แบบนี้ก็น่าแปลกใจ ไม่รู้เพราะอะไร

วันเกิดตัวเอง ถามคนข้างๆ ไป 3 รอบ ว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่
(เมื่อกี๊ก็เพิ่งถามพี่อีกคน ว่าปีนี้ปีอะไร)
checklist มีอยู่ 3 ชุด ก็ยังลืมตามงานบางเรื่องจนได้

ลงความเห็นกันว่า คงเป็นที่ระบบการคิด
ยิ่งเรามีอะไรเยอะ รับอะไรเยอะ
เรายิ่งต้องจัดระบบความคิดให้รองรับไหว
ช่วงเยอะๆ แรกๆ ก็อาจจะหลุดๆ ลืมๆ บ่อย
เพราะยังจัดระบบความคิดไม่ได้
พอจัดระบบลงตัว เก่งขึ้นพอกับงานแล้ว
ก็เป็นช่วงเวลาของงานใหม่...
ทีนี้ก็หลุดกันอีกรอบ ต้องมาจัดระบบความคิดกันใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ทำอะไรได้มากกว่าเดิม

มนุษย์ก็เลยเก่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผ่านช่วงเวลาสับสนและผิดพลาดในแต่ละระดับไปได้

ถ้าเป็นแนวคิดนี้
ไม่รู้ว่าจะเอาไปตอบได้ไหมว่า คนแก่ขี้ลืมเพราะมีความทรงจำเยอะจัด

เอ๊ หรือต้องเอาหลักการที่บอกว่ายิ่งอายุมากยิ่งขี้ลืม กลับไปตอบคำถามตอนแรกของตัวเอง
25 ปีที่ไม่เชื่อเรื่องเบญจเพส (คนทักเยอะเหลือเกิน) จะขี้ลืมมากกว่าเดิมไหมเนี่ย!!

5.6.51

- - BD - -

เพราะว่าอยากให้โตมากขึ้นในวันเกิดปีนี้
ก็เลยมีเรื่องให้เรียนรู้ 1 อย่าง

ปล่อยให้พี่ชายที่น่ารักนั่งรอคุยงานด้วย 1 ชม.
มัวแต่อยู่ในงาน HBD ตัวเอง
คิดว่าพี่เขาจะโทรมา

เด็กน้อยเป็นที่สุด
เราเป็นเด็ก มานั่งรอผู้ใหญ่โทรหาได้ยังไง
ถึงแม้โทรหรือไม่ ก็ไม่ควรทิ้งนัดไปแบบนั้น

หลายๆ คำชมและคำอวยพรตลอดทั้งวัน
เทียบกับความรู้สึกผิดในใจ (ที่ค้างอยู่เป็นชม.)
ก็ทำให้วันนี้ เป็นวันเกิดที่น่าอัศจรรย์ใจได้มากเหลือเกิน

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งดีมากมายในตัวของหมี่
ที่สามารถเอาไปใช้ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นได้เยอะแยะ
และขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งไม่ดีอีกหลายอย่าง
ที่กำลังจะดีขึ้นเรื่อยๆ
ยังไงก็ตาม
ก็จะเป็นหมี่แบบ Unique อย่างนี้ไปเรื่อยๆ แหละ
พระเจ้าสร้างมาดี
แม่สอนมาดี
และคนรอบข้างทุกคนก็ดูแลดีด้วยเช่นกัน

^_^
ดีใจๆ 25 แล้วววววววว

2.6.51

- - 4 place - - 4 feeling - -

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา...
ได้ไปดูคอนเสิร์ต 4 แห่งและ 4 รูปแบบ
ทำให้ได้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป 4 อารมณ์...

10.30 น. ไปนั่งรอทีมนักดนตรีที่ Impact Arena
คนเดียว
ครั้งแรก
เกิดความรู้สึกแปลกๆ
แอบภูมิใจเล็กๆ ที่มีโอกาสเข้ามาทำงานในนี้
แม้จะเป็นแค่คนดูแลเนื้อเพลงให้ขึ้นได้ถูกต้อง
และเวลาที่ยืนดู Ctrl G เล่นดนตรี ตอน 13.00 น. ได้เห็นเนื้อเพลงที่ขึ้นอย่างถูกต้อง
ก็ดีใจ มาก ที่ได้อยู่ตรงนั้น

15.00 น. ไปที่ลาน Parc พารากอน
ไม่มีการ sound check ที่
ดูวง Eve & the Adams เล่น concert ในงาน Green Day
Sound Engineer เป็นทีมจาก Grammy
โอ้ แบบนี้เอง ที่เรียกว่า sound ดี
แล้วก็มีคนดูหลายคน
ที่ปรบมือให้ด้วยแววตาประทับใจ (คิดไปเองรึเปล่าไม่รู้)
และเราก็ประทับใจ

17.30 น. sound check ที่เอกมัย
วง Eve & the Adams เล่นคอนเสิร์ตอีกครั้ง
เป็นคอนเสิร์ตเล็กๆ มีคนดูที่เป็นคริสเตียนประมาณเกือบร้อย
sound อาจจะไม่ดี คนอาจจะไม่อลังการ
แต่ก็อบอุ่นดี

21.30 น. ไปดูคอนเสิร์ตของ ดา เอ็นโดรฟิน
ที่ Indoor Stadium หัวหมาก
กว้างใหญ่อลังการ เครื่องเสียงสุดยอด
พลังเสียงไม่ต้องพูดถึง
ที่ต้องพูดถึงคือคนใน Hall ที่นั่งกันเกือบเต็ม

วันหนึ่ง วงดนตรีจาก Gsus7 จะได้เป็นแบบนั้น
อยู่ในบรรยากาศแบบนั้น

ไม่ได้อยากรวย
ไม่ได้อยากดัง
แค่อยากให้สิ่งดีๆ ที่เกิดจากความตั้งใจของเรา
ได้ลงไปถึงใจของคนมากมายจริงๆ

เหนื่อยนะนั่น
แต่คุ้มซะ

ขอบคุณพระเจ้า