14.8.53

คุณเป็นที่พึ่งของใครหรือเปล่า?

หมี่เคยบอกหลายคนว่า แต่ก่อนหมี่เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเพื่อนสนิท
คือเพื่อนที่สนิทกับหมี่น่ะมีเยอะ
แต่คนที่หมี่สนิทและไว้ใจมากจนแชร์ทุกความรู้สึกได้มีน้อยมาก

เพราะลึกๆ รู้สึกว่า หมี่ดูแลตัวเองได้ รับมือกับความรู้สึกของตัวเองได้
ไม่จำเป็นต้องไปร้องไห้กับใคร เพราะเขาก็อาจไม่เข้าใจ
แต่ยินดีเป็นที่พึ่งให้คนอื่นนะ มาร้องไห้กับหมี่ได้เสมอ

คงคล้ายๆ กับแม่ที่ดูแลตัวเองมาตลอด ทำงานเองตั้งแต่เด็ก
ตอนนี้ก็เก็บเงินส่งเสียลูกเอง ลงทุนเอง ตัดสินใจเอง ไม่ต้องพึ่งใคร
เวลารู้สึกแย่ ก็ไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้กับใครเลย
หมี่ว่าแม่เหนื่อยเหมือนกันนะ

เมื่อเช้าอ่านบทความชิ้นหนึ่ง เขาบอกว่า เราควรจะเป็นที่พึ่งให้คนอื่น
และไม่ควรไปพึ่งใคร เพื่อไม่ให้ใครมาดูถูกพระเจ้าที่ดูแลเรา
อ่านๆ แ้ล้วก็คิดว่า คนเรามันจะเข้มแข็งสักแค่ไหนเชียว
คนที่คิดแบบนี้คงเหนื่อยมาก อ่อนแอก็ไม่ได้ พ่ายแพ้ก็ไม่ได้

การตั้งใจจะเป็นที่พึ่งให้คนอื่นตลอดเวลามันยาก
แค่พึ่งตัวเองแบบที่เขาสอนว่าตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
หมี่ยังไม่เชื่อเลยว่ามันดีที่สุดจริงๆ

หมี่อาจจะไม่ได้พึ่งใครมากนัก แต่หมี่ก็ไม่ชอบอยู่คนเดียว
หมี่รู้จักหลายคนที่คิดว่าอยู่คนเดียวแล้วดีกว่า
แต่ลองให้ได้รักใครสักคน เขาก็จะรู้ว่าโลกมันไม่เหมือนเดิม
แล้วก็รับรองว่าจะไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม
แค่นี้เขาก็ต้องพึ่งคนอีกคนให้มาใช้ชีวิตด้วยกันแล้ว

เมื่อเราโตขึ้น บางทีเราก็คิดว่าเราต้องเข้มแข็งมากขึ้น
แต่ความจริงสำหรับหมี่คือ หมี่ค้นพบว่าตัวเองอ่อนแอมากขึ้นเรื่อยๆ
ที่เราไม่พึ่งคนอื่น แ้ล้วหวังให้คนอื่นพึ่งเรา
เป็นเพราะเราคิดว่าเราดีพอ เราดีกว่าคนอื่น เราเจ๋งกว่า
จริงๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นสักหน่อย
ไม่ว่าเป็นช่วงเวลาที่ชีวิตขึ้นหรือลง
เราก็ต้องการคนอยู่ข้างๆ เรา

เที่ยวหนัก ก็ยืมเงินคนอื่นได้
เหงา ก็ชวนคนอื่นไปเที่ยวได้
ปวดใจ ก็โทรไปเศร้าได้
มีกิ๊กใหม่ ก็โทรไปกรี๊ดได้
คิดถึง ก็ไปหาได้
เวลาทำตัวโง่ งี่เง่า ก็สารภาพผิดได้ ขอโทษได้
มีความสุขและชีวิตก็ง่ายกว่าเดิมตั้งเยอะ

หมี่ว่า พระเจ้าไม่ชอบคนที่คิดว่าตัวเองดีกว่าหรือเจ๋งกว่าคนอื่นหรอก
เพราะถ้าคิดว่าตัวเองเจ๋ง ก็จะมองความสัมพันธ์กับคนอื่นแบบไม่เท่าเทียม
ทั้งที่พระเจ้าสร้างเรามาเท่าเทียมกัน มีคุณค่าเหมือนกัน
คนที่คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่น ทำอะไรก็จะคิดเอาชนะ เพราะตัวเองเก่งกว่า
ทำธุรกิจก็จะคิดว่าถือไพ่เหนือกว่า รู้สึกเหมือนคนอื่นเป็นลูกไก่ในกำมือ
ทั้งที่จริงๆ ทุกคนก็เท่าเทียมกัน มีคุณค่าเหมือนกัน
อาจโง่กว่ากันบ้าง ฉลาดกว่ากันบ้าง ดีกว่ากันบ้าง เลวกว่ากันบ้าง
แต่ก็แค่บางเรื่องแหละ ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

แล้วหมี่ว่า พระเจ้าก็ไม่อยากให้เราพึ่งแต่ตัวเองด้วย
ถ้าเราพึ่งแต่ตัวเอง ไ่ม่เปิดโอกาสให้คนอื่นได้ช่วยเหลือหรือเกื้อหนุนเราบ้าง
คนอื่นจะรู้ถึงความสำคัญของเขาในชีวิตเราได้ไง
ทีเราได้ช่วยคนอื่น เรายังรู้สึกดีเลย

หมี่เชื่อว่า ความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันเป็นสิ่งสำคัญและมีคุณค่ามากๆๆ ในโลกนี้
คิดๆ ดูแล้ว ปัญหาบนโลกมันมีต้นตอมาจากความสัมพันธ์ที่ไม่ดีทั้งนั้น
เกลียดกัน คุยกันไม่รู้เรื่อง ตกลงกันไม่ได้ เข้าใจผิดกัน ไม่แบ่งปันกัน
เพราะเราพึ่งตัวเอง เราคิดว่าตัวเองคิดถูกแล้ว
เราคิดว่าตัวเองสมควรได้รับ แต่คนอื่นไม่สมควร
หรือบางทีก็คิดว่าคนอื่นสมควรได้รับ ตัวเองไม่สมควร
ความสัมพันธ์ของเรากับคนอื่น มีการให้และรับที่ไม่เท่าเทียมกัน
ความสัมพันธ์กลายเป็นเรื่องของผลประโยชน์มากกว่าความสัมพันธ์

หมี่เคยมองว่าคนอื่นต้องการเรา แต่เราไม่ต้องมีใครก็ได้
ทั้งที่จริงๆ แล้ว หมี่อยู่ตรงนั้นเพราะหมี่ก็ต้องการเขาเหมือนกัน
สุดท้ายก็ต้องเสียใจ มากด้วย

ตอนนี้ พยายามให้ระหว่างทางที่กำลังเดินของหมี่
จะไม่พึ่งแต่ตัวเอง ไม่พึ่งแค่ความคิดตัวเอง
แต่ให้ความสัมพันธ์และความรักรอบๆ ตัวพาหมี่เดินไป
น่าจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า มีความสุขกว่า
แน่นอนว่าจะต้องเจอความยุ่งยากบ้าง เจ็บปวดบ้าง เหนื่อยบ้าง
เพราะเราอยู่กับคนที่มีความซับซ้อน ละเอียดอ่อน
แต่มันก็ทำให้จิตใจและความคิดอ่อนนุ่มลง
ถ้าเผลอกระเด็นไปกระแทกหัวคนอื่น
เขาก็ไม่เจ็บเหมือนแต่ก่อนแล้วไง