29.9.51

ว่าจะไม่...

ว่าจะไม่บ่นแล้วเชียว
แต่ก็อดไม่ได้ ขนาดที่ว่า
เหนื่อยน้ำตาไหล ยังจะต้องมาเขียนบล็อกสักหน่อย

วันนี้ไปขายผลิตภัณฑ์ Speed Stacks ที่พารากอน
ตั้งบูธขายเพื่อลองตลาดเล็กๆ ปรากฏว่าได้รับความสนใจค่อนข้างดี

เรื่องมันเกิดตอนกลับบ้านครับท่าน
การขนของกลับ ต้องใช้รถของออฟฟิศ Horizon เป็นกระบะหลังคาสูง
เพราะว่ามีที่แขวนสินค้าไม้ หนักๆ ใหญ่ๆ ต้องแบกกลับไปด้วย

ที่นี้รถใหญ่ๆ ขับยากๆ คนที่ขับเป็นมันก็มีน้อย
ตอนหาคนขับเอาของไปส่งก็ยากอยู่แล้ว
ตอนกลับยิ่งยากกว่า เพราะเป็นวันอาทิตย์ คนมากมายติดภารกิจ

งานหนักเลยมาลงที่น้องปืน
ซึ่งก็ไม่ใช่จะขับรถคันนี้ได้เก่งแม่นยำ
อาศัยที่ความกล้า

แถมยังไม่เคยมาสถานที่นี้ จอดรถชั้นไหนไม่รู้
โทรศัพท์ก็ไม่มี ใบขับขี่ก็ไม่มี

ณ เวลา 3 ทุ่มครึ่ง ทีมขาย 3 คนก็เตรียมตัวเก็บของ
หญิงสอง ชายหนึ่ง แบกอุปกรณ์นับรวม 4 กล่อง กับแท่นหนักๆ อีก 2 ลงไปข้างล่างรอรถ
รอตรงโซนที่เป็นด้านหลัง Supermarket
รอไปจน 4 ทุ่ม ไม่มีวี่แววกระบะ Horizon

4 ทุ่มกว่าเกือบ 5 ทุ่ม น้องปืนโทรมาบอกว่า มาถึงตั้งนานแล้ว แต่ยามไม่ให้เข้า
เอ๊า แล้วทำไมเพิ่งจะโทรล่ะคะ
พอเข้าไม่ได้เลยไปจอดรถฝั่งตรงข้าม
ก็เลยให้พี่หนุ่ม สุดยอดแม่ยกของเรา วิ่งไปรับ
หายไปอีกครึ่งชั่วโมง โทรกลับมาบอกว่า
.
.
.
.
.

บัตรจอดรถหาย T_T


รอต่อไปจนประตูด้านหลัง Supermarket ปิด
ต้องมานั่งรอในที่จอดรถ
ส่วนที่มีขยะของทั้งห้างขนมากองๆ เต็มไปหมด

บะหมี่กับโอเปิ้ล ผู้ร่วมชะตากรรม นั่งรอตรงนั้นอยู่ 2 ชั่วโมงค่ะ
เล่นกับเด็กทั้งวันจนร่างกายจะแตก
วุ่นวายกับแคชเชียร์อีกพอประมาณ มี Peak เล็กน้อย
แล้วเจอแบบนี้ จมูกก็จะพังเอา

รอคอยด้วยความอดทนและหวังใจ
คล้ายลูกหมารอเจ้านายเป็นอย่างมาก
สักพัก คุณปืนก็ขับรถลงพร้อมคุณหนุ่ม (จ่ายไปแล้ว 200 ค่าเอารถออก -_-")
ยังดี ที่มีไส้กรอกอีสานเจ้าโปรดมาฝากเรา

ขึ้นรถ เตรียมตัวออกจากพารากอน
.
.
.
.
.
.
แบตหมด....
รถไม่ติดซะอย่างนั้น

ใช้เวลาไปสองรอบ (ดับ 2 ครั้ง)
รอบละ 10 นาทีเพื่อกระตุกรถ
(ได้ยินแล้วก็งง กระตุกรถอะไรสักอย่าง ศัพท์เฉพาะมั้งคะ)

โอ้ พูดไม่ออก

แทบจะขอบคุณพระเจ้าไม่ลง


...................

พยายามหาสิ่งดีจากการเรียนรู้ในวันนี้
เริ่มต้นเลย ได้เห็นวิถีชีวิตอีกแบบหนึ่งของคน

คนเก็บขยะ ที่หมี่สงสัยมากว่า เขาจะเป็นโรคได้ง่ายกว่าคนอื่นไหม
พนักงานห้าง แต่งตัว แต่งหน้า ทำผม บุคลิก แต่ละคนทำไมเหมือนกันอะไรเยี่ยงนี้
คนทำงานกลางคืน แบก ขน สร้าง เฝ้า อะไรต่อมิอะไรในช่วงเวลาไม่ทำการของห้าง
ยามที่จอดรถ ที่มีสายชาร์ตพร้อมแบต Stand by ให้ลูกค้า น่าประทับใจ

มีความรู้สึกของการร่วมทุกข์ร่วมสุข

โกรธมันจะตาย ไอ้เจ้าปืน
แต่พอเจอหน้า ทำได้แค่สั่งให้มายกของ
เฮ้ออออออออออ
อยากจะกลับบ้านไปทำงานต่อ ไปนอนพักผ่อน
แต่ทิ้งกันไม่ลง
แทบจะไปช่วยเข็นรถ ถ้ามีแรง

เห็นความเป็นผู้นำที่เอื้อเฟื้อมากของพี่หนุ่ม

ผู้ชายร่างบาง แต่งตัวอย่างเรียบร้อย ดูดี
พี่แกยกของแบบไม่ห่วงหล่อเลย
วิ่งไปวิ่งมา ตามหาปืนตลอดเวลา
ตอนกลับบ้าน นั่งหลังกระบะช่วยจับของไม่ให้คว่ำอีกต่างหาก

........................


ก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องเจออะไรอีก
บางทีชีวิตไปเจออะไรที่แย่ๆ ที่มันไม่เคยเจอ ไม่คาดคิดซะบ้าง
ก็เป็นสีสันและเรื่องราวที่จำได้ง่ายกว่าหลายเรื่อง

หงุดหงิดและอารมณ์พุ่งปรี๊ดตลอดเวลา
ปล่อยให้เราเหม็นกับขยะเป็นชั่วโมงๆ
กะใส่เต็มที่ ตอนรถมารับแล้ว

สุดท้าย ก็ได้แต่อธิษฐานเผื่อ


ขอบคุณพระเจ้า
ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ ใช่ไหมคะ

26.9.51

หนึ่งคนและคนหนึ่ง

งานแถลงข่าวอันน่าตื่นเต้นของกีฬาสแต็ค
จบไปแล้ว อีกครั้งหนึ่งสำหรับงานแถลงข่าวของเรา
ลาจากงานนี้ด้วยอาการโล่ง โปร่ง หายปวดหัวอย่างอัศจรรย์
(ทั้งที่ก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่ามันไม่ได้จบแค่นี้อะนะ)


ช่วงเวลาสั้นๆ ช่วงหนึ่งที่เพิ่งผ่านมา

ความรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนเล็กน้อย
ไม่มีอะไรดีเลย
และผิดพลาดไปหมดทุกอย่าง...

เริ่มกลับมาอีกครั้ง

เป็นความรู้สึกที่อันตรายมาก
เป็นอาการที่อยากร้องไห้ตลอดเวลา
ถ้าเริ่ม peak ก็จะเริ่มหดหู่ เศร้ามากขึ้นเรื่อยๆ และเรื่อยๆ

จากที่เคยเป็น ค้นพบว่าอาการนี้เกิดมาจากความรู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว
เพราะทำในสิ่งที่คาดหวังตั้งใจได้ไม่ดี
แล้วก็สร้างความวุ่นวายให้คนอื่นรอบข้างเต็มไปหมด

ต้องคอยเตือนตัวเองตลอดเวลา ว่าความเป็นจริงแล้ว
เราไม่สามารถทำทุกสิ่งได้ perfect
ยิ่งไอ้สิ่งที่ทำมันก็เกินตัวซะขนาดนี้
ก็ต้องรับรู้เสมอ ว่าเราเป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้นเอง

เมื่อวานนี้ มีหนึ่งคนร้องไห้เพราะเรา (เขียนให้แล้วนะเม ^_^)
เพราะไม่เข้าใจกันบางอย่าง
แต่เขาเป็นหนึ่งคนที่สำคัญ ไม่ใช่แค่ใครคนหนึ่ง
ก็เลยแคร์ จนต้องเคลียร์กันให้จบ

หลายครั้ง บางเวลา
เราก็ต้องรู้ว่า เราเป็นแค่คนคนหนึ่ง เล็กน้อยมาก บนโลกใบนี้
ไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้
และไม่สามารถรู้ได้ ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด

หลายครั้ง บางเวลา
เราต้องรู้ว่า เราเป็นหนึ่งคน ที่ใครบางคนรักและใส่ใจมากเพียงพอ

ความสุขในการใช้ชีวิต
คงไม่ขึ้นอยู่กับว่า เราเป็นใคร
ไม่ขึ้นอยู่ว่า เราทำอะไร
แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราเป็นหนึ่งคน ของใครบางคนหรือไม่


เพราะว่าการเห็นคุณค่าของใครบางคน ว่าเราเป็นหนึ่งคนที่สำคัญในชีวิตของเขา
ก็ช่วยลดความเศร้าที่มีอยู่ไปได้หลายเท่าแล้วล่ะ

ขอบคุณทุกคนและขอบคุณพระเจ้า
ที่ให้โอกาสหมี่ได้ดูแลงานนี้ค่ะ

20.9.51

กล้ามเนื้อคิ้ว >_<

ใครทราบบ้างคะ ว่าคิ้วมีกล้ามเนื้อ...

ที่จริง เท่าที่เคยเรียนมา
ร่างกายมนุษย์มีกล้ามเนื้ออยู่ทั่วทั้งนั้นแหละ
แต่วันนี้อยากจะพูดถึงกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่อยู่ตรงขนๆ เหนือตา
ที่เรียกว่า...คิ้ว

สัมผัสได้อย่างชัดเจนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ว่ากล้ามเนื้อคิ้วมีการทำงานที่เจาะจง
แล้วก็สามารถปวดเมื่อยเกร็งได้เหมือนกล้ามเนื้ออื่นๆ

อยู่ดีๆ วันหนึ่งก็ปวดตา ก็เอามือไปกด
ปรากฏว่ากดตรงคิ้วแล้วเจ็บมาก เส้นแข็ง
ลักษณะอาการเจ็บจะเหมือนตอนปวดไหล่
กดแล้วมันๆ
ก็บีบๆ กดๆ เส้นคิ้ว มาตลอดสัปดาห์
นี่ดีขึ้นมาแล้วเล็กน้อย

เหมือนคิ้วเกร็ง อยู่ในท่านานๆ มากเกิน (-_-")
ตลกดี

วันนี้คุยกับพี่คนหนึ่ง ชื่อพี่ต่อ
เขาบอกว่า ก็หมี่น่ะ ชอบขมวดคิ้ว
เวลาคิด เวลาพูด หมี่จะขมวดคิ้วบ่อย

เป็นช่วงเวลาแห่งความกดดัน (ตัวเอง)
เครียดไม่ทราบสาเหตุ
แต่ที่แน่ๆ...

คิ้วมีกล้ามเนื้อ
อย่าเครียด อย่าขมวดคิ้วมาก
ปวดคิ้วเนี่ย มันทรมานมากอยู่ค่ะ

13.9.51

next and next and next and........

ผ่านวันครบรอบ 1 ปี Gsus7 (จีซัสเซเว่น) ไป 3 วันแล้ว
เป็นงานวันเกิดบริษัทที่สนุกสนาน เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า วุ่นวายโหวกเหวก อบอุ่นอิ่ม (อ้วน)
กินเยอะกันจนตื่นสายเป็นแถบ
หรือไม่ก็โดนฝนกันจนเป็นไข้ ต้องนอนพักนานหน่อย

หนึ่งปีผ่านไป
รู้สึกได้ว่าทุ่มเทให้กับงานที่นี่มากกว่าครึ่งเวลาของชีวิต
ทั้งที่วันแรกที่ก้าวเข้ามา ก็มาแบบไม่คิดไม่ฝัน ไม่รู้อะไรเลย

เป็นอารมณ์แบบว่า ต้องพูดใส่หัวตัวเอง

"แกต้องทำแล้วววววววววววว ไอ้หมี่"

ซึ่งวันนี้ก็รู้ดีแล้วว่า ค่อนข้างคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป (ไม่นับว่าเข้าข่าย "เสียเวลา")
แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า วันข้างหน้าจะเป็นยังไง

ประมาณเดือนที่แล้ว บอกตัวเอง น่าจะเริ่มเขียนเป้าหมายชีวิตแล้วนะ
ว่าจะเป็นอะไรในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า
ไม่ได้เขียนซะที งานชุก ชีวิตรวน... มาก

เวลาที่เราเริ่มลงตัวกับระบบพื้นฐานของชีวิต
ก็มันจะมีอะไรเข้ามาเพิ่ม ให้เรารวนๆ อีก
แล้วเราก็จะจัดใหม่
เพื่อที่เราจะได้เก่งขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้น

ตอนนี้จะต้องจัดใหม่อีกครั้ง เพื่อให้มีเวลาในการทำสิ่งที่ต้องทำสักที

อีก 5 ปีชีวิตจะเป็นยังไง
ถ้ายังทำงานใน Gsus7 อยู่ จะทำตำแหน่งอะไร โตไปถึงไหน
ถ้าไม่ได้ทำแล้ว จะทำอะไร

อีก 10 ปี จะอยู่ตรงไหนของโลกใบนี้...

มีพี่ 2 คนที่เล่าให้ฟังว่า เขาลองเขียนแผนชีวิตตัวเอง 5 ปี 10 ปี ข้างหน้า
(เมื่อหลายๆๆๆ ปีที่แล้วแน่ะ)
แล้วย้อนกลับไปดู
สิ่งที่เขียนไว้เป็นจริงด้วย
แม้ ณ เวลานั้น เป้าหมายมันดูจะยิ่งใหญ่
ตอนเขียนก็ไม่รู้ว่าทิศทางจะไปยังไงกันแน่

ขอให้ลองได้เขียน
มันก็มีความหวัง
และเมื่อมีความหวัง...

อะไรก็เป็นไปได้

ปีที่ 2 ของ Gsus7 อะไรก็เกิดขึ้นได้

แต่ที่แน่ๆ แผนผังชีวิตจนถึงปี 2020 ต้องเกิดแล้วแล้วล่ะ หมี่เอ๋ย
จัดเวลาเขียนซะ

3.9.51

เหมือนจะ...

ถ้ากลับไปดูประวัติของ Gsus7
เหมือนจะล้มมาหลายที แต่ก็ไม่ล้ม
เหมือนจะหยุด แต่ก็ไม่หยุด

ความท้อใจกับความล้มเหลว
รวมถึงคำวิพากษ์วิจารณ์มากมาย...
ไม่ได้ทำให้เราหยุดทำในสิ่งที่เราควรทำ
ทำมาตลอดเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา
(จนใครๆ ก็มองว่าคนใน Gsus7 บ้าทำงาน)

ช่วงนี้ร้อนในขึ้นปากอย่างต่อเนื่อง
ถอนหายใจบ่อย เพราะว่าหายใจไม่ค่อยลึก
แล้วก็แอบมีอารมณ์ท้องผูกนิดหน่อย แต่ท้องอืดซะเยอะ
ยังดีตรงที่ไม่ถึงขั้นนอนไม่หลับ

เป็นช่วง peak อีกหนึ่งช่วงของบริษัท
อันมีผลต่อเนื่องมาจากสถานการณ์บ้านเมืองด้วย

จะจัดกิจกรรมกับโรงเรียน
โรงเรียนดันปิดทำการ
จะโทรถาม feedback ลูกค้า

ลูกค้าไปร่วมกลุ่มพันธมิตรซะงั้น
-_-"


อีกหลายหลายหลายประการ อันเป็นต้นตอของความเครียด
ความกดดัน ไม่ทันการของงาน
เรื่องส่วนตัวต่างๆ ที่ไม่ค่อยได้จัดการให้เรียบร้อย
ผิดนัดเพื่อนมา 2 อาทิตย์แล้วนี่

ถ้าหากว่าอยู่ดีๆ ประเทศไทยระเบิดขึ้นมา
บริษัทถูกปิด เพราะอยู่ดีๆ มีคนหมั่นไส้ที่มันมีอุดมการณ์กันนัก
น้ำท่วมกรุงเทพไปครึ่งเมือง (มีข่าวมาเรื่อยๆ อยู่แล้วนี่ เป็นไปได้สิ)
พันธมิตรกับนปก.จะตีกันตายไปอีกกี่คน

เราอาจจะหยุดอะไรไม่ได้เลย
และเราก็อาจจะช่วยอะไรไม่ได้
เราควบคุมอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

ความเครียดของเรา ที่เครียดแล้วเครียดอีกทั้งที่ทำอะไรไม่ได้
ก็ดูไร้ประโยชน์จริงๆ

ขนาดคนที่ไม่รู้จักพระเจ้า ยังรู้เลยว่ามีฝนตกแล้วก็ต้องมีฟ้าใส

เราเอง รู้ทั้งรู้ว่าพระเจ้าควบคุมอยู่ทุกสถานการณ์
แล้วจะกลัวอะไร

เพราะทุกครั้งที่เหมือนจะล้ม พระเจ้าก็พยุงไว้ตลอด
เหมือนจะแพ้ แต่สุดท้ายก็มั่นใจว่าชนะ

แล้วหลายทีที่เหมือนจะไม่ไหว พระเจ้าก็ไม่เคยมาสายเลยสักครั้ง

10-11 กันยายนนี้ บริษัทจะพาไปพักผ่อนที่รีสอร์ท แถวนครนายก
ไม่ได้ไปเพื่อช่วยกันร้องไห้ ระบายอารมณ์
ไม่ได้ไปเพื่อหนีปัญหาหรือสภาพวุ่นวายในเมือง
ไม่ได้ไปเพื่อประกาศ หยุดรบ

แต่ไปเพื่อรับกำลังใจ และวางแผนสู้ใหม่
ไปเพื่อขอบคุณพระเจ้า

ก็ผ่านมาได้ตั้งปีนึงแล้วนี่ ต่อจากนี้ไป สบายมาก!