22.6.52

Happy for no reason

7 ขอบเขตหลักในชีวิต ที่ถ้าเราจัดการได้ เราจะมีความสุขได้ทุกสถานการณ์
จากหนังสือ Happy for no reason
มาดูกันค่ะ ว่ามันคืออะไรบ้าง

1.พลังส่วนตัว (ฐานราก) : รับผิดชอบความสุขของตัวคุณเอง
2.ความคิด (เสาหลัก) : อย่าเชื่อทุกอย่างที่คุณคิด
3.จิตใจ (เสาหลัก) : ให้รักนำทาง
4.ร่างกาย (เสาหลัก) : ทำให้เซลล์ในตัวคุณมีความสุข
5.จิตวิญญาณ (เสาหลัก) : เชื่อมต่อตัวคุณเข้ากับจิตวิญญาณ
6.เป้าหมาย (หลังคา) : ใช้ชีวิตด้วยแรงบันดาลใจจากเป้าหมาย
7.ผู้คน (สวน) : ถนอมรักษาความสัมพันธ์ที่ให้พลัง

บ้านของคุณน่าอยู่หรือยังคะ
มีความสุขกับบ้านของคุณให้ได้นะคะ

เอาใจช่วยให้คุณมีความสุขทุกเวลาค่ะ

19.6.52

ความรักนั้น....

เท่าที่จำได้ เหมือนจะไม่เคยเขียนเรื่องความรักลง Blog สักครั้งเลยมั้ง

"ความรัก" นั้นก็อดทนนาน
และกระทำคุณให้

"ความรัก" ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย
ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว
ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด
แต่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติชอบ

"ความรัก" ทนได้ทุกอย่าง แม้ความผิดของคนอื่น
และเชื่อในส่วนดีของเขาเสมอ
และมีความหวังเสมอ
และทนต่อทุกอย่าง...

การที่เคยมีแฟนมาเกือบ 10 คน
คงไม่ได้หมายความว่าจะเข้าใจความหมายของคำว่า "รัก"
หรือรู้จัก "ความรัก" จริงๆ

ในทางกลับกัน
"ความรัก" อาจมีความหมายชัดเจนขึ้นมาในใจได้
เมื่อเราผ่านเหตุการณ์บางอย่าง ที่ไม่จำเป็นต้องใช้เวลายาวนาน

2 นาที ที่เห็นคุณแม่กำลังกวาดขยะเปียกเหม็นๆ หน้าร้านขายของ
ก็เข้าใจคำว่า "ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้"

5 นาที ที่น้องคนหนึ่งขอคุยด้วยเพื่อปรับความเข้าใจในเรื่องที่อึดอัดกันอยู่
และอีกหลายๆ ครั้งของ 5 นาที ที่ได้ตักเตือนคนที่เราห่วงใย และเขาเปลี่ยนแปลง
ก็ทำให้เข้าใจคำว่า "ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด"

1 นาที ที่ได้ยินเรื่องราวของใครบางคนที่สร้างความเจ็บปวดให้กับใจ
แล้วตัดสินใจที่จะถามเจ้าตัว
เลยได้รู้ว่า การ "เชื่อในส่วนดี" สำคัญอย่างไร

10 นาที ที่ได้คุยกับคนที่คุยไม่รู้เรื่องและไม่เปิดใจ
การที่ต้องสะกดใจไว้และหาคำพูดที่ดีที่สุดเพื่อเขา
ทำให้เข้าใจว่า "ความรัก ทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น"
มันเหนื่อยและเจ็บปวดแค่ไหน

ระยะเวลายาวนานที่เฝ้ามองคนบางคนดำเนินชีวิตอย่างไม่เห็นแสงสว่างที่มากขึ้น
ทำให้ตระหนักว่า ความรักที่ "มีความหวังอยู่เสมอ" สำคัญกับคนอื่นอย่างไร

15 วินาที ที่ได้เห็นแววตาและถ้อยคำบางอย่างออกมาจากใครบางคน
ทำให้รู้ว่า ความรักที่ "ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติชอบ"
สร้างความสุขในใจได้มากมายแค่ไหน

หลายๆ นาที ในหลายๆ ครั้ง ที่ได้เปิดฉากปะทะกับใครบางคน
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุอะไร ความไม่น่ารักของเรา ความไม่น่ารักของเขา
เรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือเรื่องสำคัญหลายๆ เรื่อง
ฉากนั้นจบลงด้วยความเข้าใจ คำพูดที่อ่อนโยน และความผูกพันที่มากขึ้น
ย้ำให้หนักแน่นในใจว่า ความรัก "ไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย"

ในวันแห่งความสูญเสียและเหน็ดเหนื่อยของใครบางคน
ยังมีเสี้ยววินาทีของสายตา รอยยิ้ม มือที่ยื่นอะไรบางอย่างมาให้
ทำให้มั่นใจว่า ความรักนั้นจะ "ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว"


5 นาทีของเมื่อวานนี้ ได้ดูละครเรื่องหนึ่ง
ผู้ชายคนหนึ่ง ถูกแม่ของตัวเองห้ามไม่ให้มีความรัก
เพราะว่าหัวใจของเขาอ่อนแอมาก
การมีความรักจะทำให้เขาตาย

แน่นอน ความรักอาจทำให้คนเจ็บปวด จนกระทั่งถึงตาย
และแน่นอน ผู้ชายคนนั้นก็เลือกที่จะมีความรัก แม้จะต้องตาย

เพราะความรักนั้น "ทนต่อทุกอย่าง"

11.6.52

วิทยาศาสตร์กับความเชื่อ

เมื่อวันก่อน ได้อ่านหนังสือเรื่อง โลกจิตของแทนไท ประเสริฐกุล
พูดถึง โลกของจิตใจ ที่มนุษย์ใช้เวลาหาคำตอบกันมายาวนานหลายศตวรรษ


ใครจะเชื่อว่า กระบวนการวิทยาศาสตร์ที่ทำการศึกษาร่างกายมนุษย์
ให้เหตุผลและที่มาที่ไปของอาการต่างๆ ทั้งในความคิด ความเชื่อ ความรู้สึก ในจิตใจ
ได้เกือบทั้งหมดทั้งสิ้น
หรือบางเรื่องที่เรายังไม่ได้สนใจจะหาคำตอบ
ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก็มีคำตอบที่ทำให้เราต้องกลับมาค้นหาอะไรมากขึ้น


หนังสืออีกหนึ่งเรื่องที่ไปหยิบมาจากชั้นหนังสือของทีวีไทย
พูดถึงพลังของความเชื่อ พลังของจิตใจที่เหนือทุกอย่าง ชนะความจำกัดของร่างกายทุกส่วน
พลังทางจิตวิญญาณที่นำมาซึ่งความสำเร็จ
ทำให้เกิดอะไรก็ได้ ตามความปรารถนาในใจมนุษย์

อ่านแล้วงงทั้งคู่
ไม่รู้ว่าอะไรมาก่อน มาหลัง
ข้อมูลในสมองมันตีกัน

แต่ที่แน่ๆ ทั้ง 2 เรื่อง แสดงถึงมหัศจรรย์ของธรรมชาติ
หมี่เรียกว่า มหัศจรรย์การทรงสร้าง

อยากจะหายงง อยากจะสยบความเคลื่อนไหวในสมองและจิตใจ
กลับมาถามไถ่จากผู้สร้าง น่าจะง่ายที่สุด