30.3.51

-- ล้ม --

ถึงขั้นถลอกปอกเปิก ทั้ง 2 เข่า และ 2 แขน
หลังจากที่ไม่ได้ล้มจับกบแบบถึงไหนถึงกันขนาดนี้มาหลายปีเหลือเกิน

เมื่อวันเสาร์ ได้ไปดูหนังของรุ่นพี่นิเทศจุฬา
หนังรักวัยรุ่น ชวนอมยิ้ม
...ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น...
ดูแล้ว หัวใจว้าวุ่นเล็กๆ >_<
แอบคิดถึงความรู้สึกน่ารักๆ ในสมัยวัยเยาว์ขึ้นมาซะอย่างนั้น

เพลงที่ใช้ในเรื่อง ก็เป็นเพลงที่เคยอิน
บทของเรื่องบางตอน ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของเพื่อนในรุ่น
แถมพระเอกนางเอกคู่นึงในนั้น ก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับรุ่นน้องอีกตังหาก
เพื่อนรุ่นพี่รุ่นน้อง โผล่หน้ากันมาตลอดเรื่อง
คิดถึงจริงๆ เลยนะเนี่ย

กำลังเดินกลับบ้านด้วยอารมณ์แบบอินๆ อยู่ดีๆ
สองแถวที่กลับบ้านได้ก็วิ่งมา 1 คัน (ไกลๆ)
ไอ้เราก็ดีใจ จากหน้าห้าง รีบก้าวขาจะวิ่งไป
ที่ไหนได้ มันเป็นขั้นบันไดนี่!

ก็เลยหกล้มถากพื้นไปในระยะ 1 เมตร
น้ำตาแทบไหล เจ็บก็เจ็บ และท่าล้มก็ไม่มีความสวยงามใดๆ เหลืออยู่เลย

น้องชายที่ไปดูหนังด้วยกัน ก็ล้ออย่างเมามัน (ล้อจนถึงวันนี้)
แสบมาก อย่าให้มีมั่งแล้วกันเหอะ

คืนมะวาน ไปนั่งรอซื้อส้มตำกับน้องชายตัวแสบ
เขาก็พูดออกมาประมาณว่า
'นี่ มีคำคม ถ้ามัวแต่มองเป้าหมายไกลๆ ไม่ยอมมองทางเดินข้างหน้า
ก็ทำให้ล้มได้ คมไหมๆ'
5555

ก็จริงของมันอะนะ
ตัวแค่นี้ ทำมาเป็นสอน

หนังเรื่องที่ว่า ทำให้กลับไปนึกถึงวันเวลาของความเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง
เหมือนทุกย่างก้าวที่ผ่านมา ก็จะมีล้มบ้าง มีกระโดดบ้าง

มุมมองความรักตอนนั้น ก็ต่างจากมุมมอง ณ เวลานี้อย่างสิ้นเชิง

ถ้าหากมองเห็นเป้าหมายในวันนี้ แล้วใส่ใจกับย่างเท้าในวันนั้นมากขึ้น
อะไรๆ ก็คงแตกต่างไปเยอะเหมือนกัน

แต่ก็อย่างว่า
ถ้าวันหนึ่งต้องล้มลง ได้ลองเจ็บสักครั้ง ต่อไปคงระวัง ^_^
ทุกเรื่องราวที่เข้ามามีความหมาย และทุกคืนวันที่ผ่าน...
มันทำให้ฉันได้พบกับเวลาที่ฉัน...เฝ้ารออยู่

นี่ โฆษณาเพลงอัลบั้ม Eve & the Adams ซะเลย

27.3.51

--- เต็มที่!! ---

...เป็นสัจธรรมอย่างแท้จริง...
เมื่อเวลาผ่านไป เวลาและความพยายามในการทุ่มเทให้กับ blog ก็มีน้อยลงเรื่อยๆ

ความถี่ของเดือนแรก 2 วันครั้ง กลายมาเป็น...
อาทิตย์ละครั้ง

ถ้าถึงขั้น 2 อาทิตย์ครั้ง
ถือว่าความพยายามและความตั้งใจ อยู่ในช่วง down อย่างถึงขีดสุด
ขอบคุณพระเจ้าที่เดือนมีนาคม ยังรักษาค่าเฉลี่ยอาทิตยละครั้งไว้ได้อยู่

... วันนี้สำนึกได้หนึ่งอย่าง ...
ชีวิตของมนุษย์ที่เหลือเวลาน้อยลงเรื่อยๆ ในแต่ละวัน
กับเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นและทางเดินที่ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละช่วงเวลา

สิ่งที่จะทำให้วันสุดท้ายของชีวิต จบลงด้วยความภูมิใจ
(โดยเป้าหมายจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม)
ก็คือการเต็มที่ในทุกเวลา

นอนก็นอนอย่างเต็มที่ แบ่งใจไปกังวลเรื่องงานก็นอนหลับไม่สนิท
ทำงานก็ทำงานอย่างเต็มที่ ไปคิดเรื่องอื่นก็เสียเวลาทำงาน
กินก็กินอย่างเต็มที่
เที่ยวก็เที่ยวอย่างเต็มที่
ใช้เวลากับครอบครัว ก็ดูแลกันอย่างเต็มที่

แล้วจะไม่เสียดาย
ลองดูสิคะ

^_^

18.3.51

รอบตัว เรื่องราว โลก 2 ใบ ความสุข

เปิดหน้า blog มาดูแล้วตกใจ
เดือนมีนาคมผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
แต่เพิ่งจะอัพ blog ไป 3 ครั้งเท่านั้น

ครั้งล่าสุดของเดือนนี้คือวันที่ 10
และนี่ก็ผ่านไป 9 วัน
ทั้งที่เรื่องราว ก็มีมาทุกวัน
ไม่ซ้ำกันสักวัน
และน่าตื่นเต้นทุกวันด้วย
แต่ไม่ยอมมาอัพเดท น่าเสียดายจริงๆ

วันศุกร์ที่ผ่านมา อีฟและ the Adams ขึ้นคอนเสิร์ตครั้งแรก
กับเพลง 5 เพลง และความสนุกสนานมันหยด
ในสายตาของคนฟังดนตรีไม่ค่อยเป็น
และในสายตาคนที่เห็นวงนี้เล่นแต่ในห้องซ้อม
พอขึ้นเวทีจริง ถึงจะได้เห็นพลังของนักดนตรีเหล่านี้
มีแต่รอยยิ้มและความสุขกับเสียงดนตรีของตัวเอง

เท่จริงๆ จุดขายของวงนี้
วงนี้นิยมเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ
เช่น นม เป็นต้น

เห็นแล้วมีความสุข ปลาบปลื้ม
(ใช้คำได้เว่อร์ดีไหม)

วันเสาร์ อยู่บ้าน นั่งหน้าคอมทั้งวัน เพื่อเตรียมเอกสารเสนอผู้ใหญ่
ไม่ใช่ง่ายๆ คิดแล้วคิดอีก ทำแล้วทำอีก อ่านแล้วอ่านอีก
ปรากฏว่า "ช้าไป"
ไม่รีบทำให้เสร็จ เพื่อส่งเมลให้ผู้ใหญ่อ่านก่อนได้

วันอาทิตย์ ไปโบสถ์เสร็จ
ประชุมงานต่อ
หาที่ปริ๊นสีไม่ได้
ไปบ้านยายที่จรัญสนิทวงศ์ เพื่อปริ๊นงาน (ใครเคยไป จะรู้ว่าไกลไม่ใช่เล่น)
แต่เครื่องปริ๊นก็แอบป่วย ปริ๊นไม่ชัด

แต่เนื่องจากว่า วันอาทิตย์ ได้รับกำลังจากการนมัสการอย่างเต็มที่
เลยไม่มีอะไรที่น่าหงุดหงิดใจ


วันนี้หลายๆ คนในบริษัท ก็ออกเดินทางไปทำภารกิจที่ต่างจังหวัด
เพื่อถ่ายมิวสิควีดีโอ เพลง IF ของอีฟ

น้องสาวกำลังจะไปยุโรป เรียนต่อที่อังกฤษอีกไม่เกี่ดือน

ปุ๋ย เพื่อนสนิทจากนิเทศจุฬา กลับมาจากอังกฤษแล้ว
นัดเพื่อนในกลุ่ม กินข้าวพรุ่งนี้ ก่อนดูหนังเรื่อง ว้าวุ่น กับเด็กนิเทศทั้งคณะ
แต่เราไปไม่ได้

ขณะที่โปรเจ็คมากมายในบริษัทกำลังวิ่งไปข้างหน้าเรื่อยๆ โดยมีเราเป็นทีมงานในทุกโปรเจ็ค
โลกรอบตัวของเรา ก็หมุนไปตามเรื่องราวของมัน เวลาที่เป็นมาเป็นไป
เหมือนเป็นโลกคู่ขนาน
แต่ก็เหมือนเป็นโลกเดียวกัน
เหมือนไม่รับรู้และไม่มีส่วนร่วมกับโลกภายนอก
แต่ก็เห็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมันอยู่ตลอด

ทำยังไงน้า
ให้โลก 2 ใบนี้เป็นโลกเดียวกัน

ทำยังไงน้า
ให้ความรู้สึกแตกต่างแบบนี้มันหายไป

ทั้งนี้ทั้งนั้น
ในโลกใบนี้ ก็มีความสุขและปลาบปลื้ม อยู่มากแล้วล่ะนะ
^_^

10.3.51

ผิด T_T

ปรากฏว่า มีคนมาทักจริงๆ ด้วย เรื่องความป่วยของภาษาอังกฤษของเรา
เสีย self ไปพอสมควร

(แต่คนที่มาเตือนไม่ต้องเสียใจนะคะ น้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณเสมอ)

ถ้าไม่นับเรื่องใช้ภาษาอังกฤษผิด
แต่ละวัน แต่ละวัน เราทำอะไรผิดไปหลายต่อหลายอย่างจริงๆ
ผิดเวลา
ผิดกาละเทศะ
ผิดวิธีการ
ผิดถ้อยคำ
ผิดใจด้วย (ผิดใจนี่เป็นผลมาจากความผิดในบางครั้ง)

บางครั้งทำอะไรไม่ผิด แต่ก็ใจผิด
มีผลเหมือนกันนะนั่น

เคยคิดอยู่ช่วงหนึ่งว่า
ทำไมมาเชื่อพระเจ้าแล้วถึงไม่อยากทำผิด
หรือแม้ว่าทำผิด ก็ยินดีจะยอมรับผิด และแก้ไข

ความผิดทำให้เรารู้สึกโทษตัวเอง เป็น loser
ความผิดทำให้เรากลัวคนอื่นรังเกียจและไม่ยอมรับ
แต่เรารู้ว่า ในพระเจ้า แม้จะผิดแค่ไหน พระเจ้าก็เข้าใจและยอมรับ
รวมไปถึงพี่น้องรอบข้างเราด้วย
เราก็เลยกล้าที่จะรับผิดกับคนอื่น ยอมรับความรู้สึกแย่ๆ ของตัวเอง
เพื่อเปลี่ยนแปลงให้ในแต่ละวัน เราผิดได้น้อยกว่านี้

... ที่จริงคนเรา ถ้ารักกัน ไม่ว่าจะผิดแค่ไหนก็รัก ใช่ไหมล่ะ ...
แต่รักมาก ก็ไม่ได้หมายความว่า จะยอมให้ทำผิดอยู่เรื่อยไป
ยอมที่จะไม่ตักเตือน หรือทำโทษเพื่อให้เปลี่ยนแปลง
(กลัวคนที่เรารัก จะเกิดความรู้สึกเป็น loser)

ถ้าเวลาทำผิดแล้วมันรู้สึกไม่ดีน่ะ
ก็อย่าพยายามตั้งใจทำผิดอีกเลยนะ
จำไว้...จำไว้

(แต่ไอ้ที่ไม่ตั้งใจ ก็ต้องให้อภัยและตักเตือนกันไปนะคร้าบบบ)

6.3.51

I have to speak English -_-"

With 3 Singaporian (right spelling?)
Their name is Casy, Julia and Yoke Shing.

And P'Noi who is a very friendly girl.

เป็น 2 วันที่ได้ใช้พลังมากมายเหลือเกิน (อีกแล้ว)
พูดภาษาอังกฤษ และประชุม คิดๆๆๆ จนมึน

เป็นความ Amazing อย่างถึงที่สุด
ได้คุยกับคนที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้คุย

ได้คิดถึงโปรเจ็คยักษ์ใหญ่
ที่ไม่เคยคิดว่าชีวิตนี้จะได้แตะ
เป็นความฝัน ที่กำลังจะไม่ได้เป็นแค่ความฝัน

เพิ่งจะรู้ว่าภาษาอังกฤษเรา พอจะใช้การได้กับเขาเหมือนกัน
ผิดๆ ถูกๆ ก็พูดไปอย่างไร้แกรมม่า
แต่ว่าก็สื่อสารรู้เรื่อง

Casy ร้องเพลงเพราะมาก มาอัดเสียงเพลงอัลบั้มนมัสการภาษาอังกฤษ
ฟังแล้วน้ำตาจะไหล
เพราะเกินไป

ตอนนี้แลก Mail กันแล้วเรียบร้อย
ขอบคุณพระเจ้า


ได้เวลาก้าวไปข้างหน้าอย่างเต็มที่ สุดกำลัง
บางสิ่งบางเรื่อง ที่เป็นเหมือนเรื่องแทงใจ
(สะกิดมากกว่า ใช้คำว่าแทงจะ hardcore ไปนะ)
ต้องรีบสลัดทิ้งไปไกลๆ ให้เร็วที่สุด

need your help na ka
my dear Lord,
Jesus

1.3.51

จิตใจเอ๋ย ----

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เหมือนพระเจ้าสอนให้เรียนรู้จักบางเรื่อง
...อย่างเข้มข้น...

เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดูแลจิตใจ
เวลาที่ต้องทำในสิ่งที่ไม่ชอบ หรือไม่อยากทำ
เวลาที่รู้สึกไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง
เวลาที่รู้สึกว่าจิตใจห่อเหี่ยว ด้วยสาเหตุบางประการ (ซึ่งบางทีก็หาไม่เจอ)
และเวลาที่จิตใจเกิดอาการดื้อดึง ไม่ยอมรู้สึกอย่างที่เจ้าของต้องการ

ก็ต้องหาวิธีจัดการกับอาการเหล่านี้กันไปตามความสามารถของเจ้าของ

เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ แต่จัดการได้ยากที่สุด
ไม่ว่าอะไรก็ตาม ทั้งคน สถานการณ์ หรือตัวเราเอง ก็สร้างผลกระทบกับจิตใจได้
..อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
อาจจะฉุดขึ้น อยูดีๆ ก็มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
และอาจจะดึงลง อยู่ดีๆ ก็หม่นหมองหรือวิตกไปซะอย่างนั้น

คำพูดบางคำอาจทำให้จิตใจกระโดดโลดเต้น
และคำพูดบางคำ อาจทำให้ใจหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม

อวัยวะ ที่เรียกว่า "หัวใจ" เป็นการทรงสร้างที่อัศจรรย์มาก
แต่ "จิตใจ" เป็นการทรงสร้างที่อัศจรรย์ยิ่งกว่า

สดุดี 42: 5
: จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่
ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า
จงหวังใจในพระเจ้า...

จงหวังใจในพระเจ้า...

หลายครั้ง จิตใจที่ห่อเหี่ยวเกิดจากความไม่เชื่อและไม่หวังใจในสิ่งดีที่พระเจ้าจะทำ

สดุดี 38:18
: ข้าพระองค์เป็นทุกข์ เพราะบาปของข้าพระองค์

และหลายครั้ง จิตใจที่ห่อเหี่ยวเกิดจากบางสิ่งบางอย่างรอบตัว
...ไม่ได้ดั่งใจเรา...

ตอนนี้ก็ระลึกเสมอแล้วว่า

จิตใจเอ๋ย... ไม่ว่ามันจะเป็นเช่นไร
แต่เราจะจัดการมันได้ ด้วยความหวังใจในพระเจ้า
และด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง
(ปัจจัยอื่นนอกเหนือจากนี้ ยึดติดและเปลี่ยนแปลงได้ยากเกินไป อันตราย)


โอย! อย่าอ่อนแอให้มากนักได้ไหมเนี่ยยยยย