25.10.52

เหตุผลที่เราต้องรักคนข้างๆ

ระหว่างการแข่งขันนัดแดงเดือดวันนี้
อยู่ดีๆ แม่ก็โวยวาย เปลี่ยนช่อง
ไม่ให้น้องชายดูบอลที่กำลังถ่ายทอดสดอยู่
จนมันหัวเสีย ต้องออกมาดูทางเว็บ จอเล็กๆ ไม่มีแอร์ พากย์ภาษาจีน!!

แล้วสักพักแม่ก็เปิดช่องเดิม
ให้น้องชายหมี่กลับเข้าไปดูในห้องเหมือนเดิม

นึกๆ แล้วก็ตลกดี...
แม่เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร
เอาแต่ใจตัวเอง (แบบไม่รู้ตัว) พูดจาไม่รู้เรื่อง
ไม่แปลกที่พ่อกับแม่จะอยู่ด้วยกันไม่ได้
ไม่แปลกที่หมี่กับน้องจะมีช่องว่างกับแม่อยู่บ้าง
เรียกได้ว่า ต้องคอยหาจังหวะดีๆ มุดช่องเข้าไปให้แม่อุ่นใจเรื่อยๆ

หมี่ไม่โทษใคร และไม่รู้สึกว่าใครผิดที่พ่อกับแม่เลิกกัน
มันเหมือนกับ ใครสักคนในสองคนนี้ โตพอ กล้าพอ
และตัดสินใจตามความจริงว่า การอยู่ด้วยกันมันไม่ได้ดีจริงๆ
เขาไม่ได้รู้จักและรักกันอย่างที่เป็นจริงๆ

เหตุผลที่คนมากมายแต่งงานกันแล้วก็หย่า อาจจะมาจากเรื่องนี้
ทั้งสองคนไม่รู้จักกันมากพอในวันที่ตัดสินใจ
ไม่รู้จักอีกฝ่ายมากพอ ว่าเป็นอย่างไร
ไม่รู้จักตัวเองมากพอ ว่าต้องการอะไร

ในสายตาคนอื่น แม่อาจจะเป็นคนใจใหญ่ เป็นคนตลก
...แต่คนที่อยู่ด้วยกันจริงๆ ถึงรู้ว่าเราต้องทนกับอะไร
ในสายตาคนอื่น น้องชายอาจจะเป็นคนไม่สนใจใคร
...แต่คนที่อยู่ด้วยกัน ถึงจะรู้ว่า เขาแคร์คนอื่นมากแค่ไหน
ในสายตาคนอื่น พ่ออาจจะขี้เมาที่สุดในโลก
...แต่คนที่รู้จักพ่อจริงๆ ถึงจะรู้ว่าพ่อพยายามแค่ไหนเพื่อครอบครัว

นี่เป็นเหตุผลที่เราควรจะรักคนที่เราอยู่ด้วยมากกว่าใครๆ
เพราะนอกจากเราแล้ว ไม่มีใครที่รู้จักเขามากพอ...
มากพอที่จะรักเขาได้อย่างที่เขาเป็น

เหตุผลที่เรามักจะไม่น่ารักกับคนในครอบครัวมากกว่าคนอื่น
เพราะครอบครัวเรา คือคนที่รู้จักเรามากพอ
รู้จักอย่างนี้แล้วยังจะรักเราได้อีก
เลยมั่นใจว่า เราทำอะไร ก็คงจะรักไม่เปลี่ยน

เหตุผลเดียวกัน...
เพื่อนจะรักกันมากขึ้น หรือทะเลาะกันจนไม่อยากมองหน้า
ก็เมื่อวันที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน (หรือร่วมหุ้นลงเงินกัน)

และเหตุผลเดียวกัน...
เราไม่ควรแต่งงานกับคนที่เราฝันถึง
ถ้าเราไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเมื่ออยู่ด้วยกัน
และถ้าเราไม่รู้ว่า จริงๆ คนนี้เป็นยังไง

หมี่ว่าเรามีโอกาสน้อยนะ ที่จะรู้จักใครสักคนมากพอ
และที่ใครสักคนจะรู้จักเรามากพอ

ก็เลยเชื่อว่า ควรจะรักครอบครัวของเราให้มากๆ
ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไร
รักพ่อให้มากๆ แม้จะไม่ได้อยู่กับพ่อ
รักแม่ให้มากๆ แม้แม่จะเอาแต่ใจตัวเอง
รักน้องชายให้มากๆ แม้มันจะเล่นมุขเสี่ยวๆ
รักน้องสาวให้มากๆ แม้มันจะไม่ค่อยกลับบ้าน
รักคู่ชีวิตให้มากๆ แม้เขาจะทำอะไรขัดใจตลอดเวลา

อีกอย่าง
เราควรจะรักเพื่อนเราและคนรอบข้างด้วย
อย่างน้อย ก็พยายามไม่ทิ้งโอกาสที่จะได้รู้จักกัน
พอรู้จักกันมากขึ้น ก็จะได้รักกันมากขึ้น

8.10.52

colorful no more?

โอ้ย คิดถึงหน้าว่างๆ
ไม่ได้เขียน Blog เขียนโน้ตซะนาน
รู้สึกเหงาๆ มือ แล้วก็เหงาๆ หัวใจอยู่บ้างเหมือนกัน

ประมาณกลางสัปดาห์ที่แล้ว ฝนตก
พกร่มออกจากบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี
เพิ่งรู้ว่าร่มที่บ้่านของตัวเอง คันใหญ่มากกก
ใหญ่จนถือไม่ไหว ก็เลยตั้งใจว่า จะซื้อร่มพกติดกระเป๋าตัวเองสักที

ระหว่างทางกลับบ้าน ลงป้ายรถเมล์แถวบางพลัดไปต่อรถ
เจอผ้าใบแบะกะดินขายร่มริมถนนร้านหนึ่ง
มีร่มให้เลือกไม่ถึง 10 แบบ
ราคา 100 บาท ทำให้ไม่ค่อยแน่ใจในคุณภาพสักเท่าไหร่

แต่เหตุผลที่ทำให้เดินไปเยี่ยมร้านและได้ร่มพับ 3 ตอนสีน้ำตาลติดมือกลับมา
ก็คือคุณลุงพ่อค้า ที่กุลีกุจอต้อนรับลูกค้าอย่างดี
คุณลุงรื้อร่มจากซองมากางให้เลือก 2 คัน (และมีทีท่าจะรื้ออันต่อไป ถ้าไม่บอกให้หยุด)
บรรยายสรรพคุณ พร้อมชี้เครื่องหมายรับรองรางวัลระดับเอเชียให้ดู
รอยยิ้มจริงใจ ทำให้ไม่ลังเลเลยในการควักกระเป๋า

หลังจากนั้น ก็เศร้าไปอีกหลายวัน ทุกครั้งที่นั่งรถผ่าน
คุณตาขายร่มได้วันละกี่คัน กำไีรที่ได้จะพอกินข้าวไหม
ลูกหลานคุณตาไปไหน
ตอนกลางวัน คุณตานั่งตรงนั้นจะต้องตากแดดหรือเปล่า

เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนเศร้าๆ
เศร้ากว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เหมือนกับเพิ่งจะรู้ความจริงว่า
ในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่น่าเศร้าและเจ็บปวดเต็มไปหมด
เหมือนกับเพิ่งจะเห็นว่า
มันมีอะไรมากกว่ารอยยิ้มของคนบางคน
มีอะไรมากกว่านิสัยไม่ดีของคนบางคน

ไอ้เรื่องที่เคยคิดว่าดี มันก็กลับกลายเป็นไม่ใช่
ไอ้เรื่องที่เคยไม่เห็นด้วย ตอนนี้กลับทำซะเอง

การเติบโตขึ้นกับมุมมองที่เปลี่ยนไป
บางทีมันก็ทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องตลก
ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคือเรื่องจริง
คนแต่ละคนต้องเจอกับเรื่องพวกนี้จริงๆ
ท่าทางจะต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พอควร

ในขณะที่ความฝันและความหวัง ยังรอให้เดินไปหา
ก็เริ่มรู้่อย่างจริงจังว่าโลกนี้มันกว้าง
เรามันแค่เด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ ช่วยใครได้ไม่มากนัก
ก็เลยจะยากหน่อย ในการรื้อฟื้นความสุขสดใสแบบเดิมให้กลับมา
พยายามที่จะหวังและเชื่อให้เต็มหัวใจเหมือนก่อน
โดยที่รู้ว่าเราควบคุมอะไรไม่ได้เลย

Dark ไหมล่ะคะ
ไม่เป็นไรค่ะ
การมีชีวิตแบบเศร้าๆ ก็ยังดีกว่ามีชีวิตที่รู้สึกอะไรไม่เป็น
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราเห็นโลกอย่างที่มันเป็นซะที
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับร่มของคุณลุง