22.5.53

แด่ ไพร่...

ป้าจ๋า หนูไม่รู้ว่าป้ารู้สึกยังไง
กับการที่บ้านเมืองถูกเผา
ป้ายังรู้สึกดีกับการชุมนุมที่ป้าเพิ่งกลับมาอยู่หรือเปล่า
แต่หนูหวังให้ป้ากลับบ้านแล้วได้นอนหลับพักผ่อนให้สบาย
หลังจากที่ต้องมาทนอยู่กินลำบากนอกบ้านตั้งนาน

ป้าจ๋า พ่อแม่หนูก็เป็นไพร่นะ เป็นไพร่ต่างแดนด้วย
อพยพกันมาจากเวียดนาม ทั้งคู่อยู่ในครอบครัวที่จนแสนจน
ไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่ได้มีใครมาเกื้อหนุน แต่ก่อนต้องวิ่งหนีตำรวจอยู่เลย
ทุกวันนี้ก็ยังเป็นไพร่อยู่ เป็นไพร่ทำมาหากินค้าขายทั่วไป อยู่แถวๆ ประตูน้ำ
ใกล้ๆ ราชประสงค์นั่นแหละจ้ะ
ยังดีที่ไพร่ 2 คนนั้นต่อสู้จนหนูได้ใช้ชีืวิตอยู่ในเมืองนี้อย่างสุขสบายได้

ป้าจ๋า หนูว่าพ่อแม่หนูเขาเก่งนะ หนูชื่นชมเขา
รวมถึงป้าและลุงๆ น้าๆ ที่มาร่วมชุมนุมด้วยนะจ๊ะ
ป้าอดทนกับความยากลำบากทางกายได้
ป้าใช้่ชีวิตอยู่ได้ แม้ไม่มีโอกาสเหมือนพวกเราทุกวันนี้
หนูนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่า ถ้าหนูไม่มีใบปริญญาและอินเตอร์เน็ต หนูจะใช้่ชีวิตได้ยังไง
หนูเอาตัวรอดไม่เป็น หนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ
หนูไม่ขยัน ไม่อดทนได้เหมือนพวกป้าจริงๆ นะจ๊ะ
ถ้าป้าและลูกๆ ของป้าได้มีโอกาสเหมือนพวกหนู
หนูมั่นใจมากๆ ว่าจะไปได้ไกลมากกว่าหนูหลายเท่า

ป้าจ๋า ที่ป้าเรียกตัวเองว่าไพร่ ป้ารู้ไหมว่ามีชนชั้นที่ต่ำยิ่งกว่าไพร่อีกนะ
มันคือชนชั้นทาสไงล่ะจ๊ะ
ทุกวันนี้อาจจะไม่มีทาสแบบสมัยก่อน
ทาสที่ทั้งชีวิตขึ้นอยู่กับเจ้าของเท่านั้น ไม่มีอิสระใดๆ
แต่ว่าหนูเองก็ยังเป็นทาสอยู่จ้ะ ทาสของข้อมูลข่าวสาร ทาสของความสัมพันธ์
ทาสของการต่อสู้ชิงดี ทาสของความอยากได้ไม่รู้จบ

ป้ารู้ไหมจ๊ะ ระหว่างที่ป้าต่อสู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น
พวกทาสอย่างหนูก็ต่อสู้อยู่กับการหาตัวตนของตัวเอง
ความเท่าเทียมและโอกาสสำหรับป้าอาจจะได้มายาก เช่นเดียวกันจ้ะ
หนูก็หาตัวตนและที่ยืนของหนูได้ยากมากเหลือเกิน

ป้าจ๋า ข่าวสารข้อมูลที่หนูได้รับ มันทำให้หนูเครียดจนปวดหัว
ล้วก็เหนื่อยที่ต้องคอยตาม จะไม่สนใจหนูก็ทำไม่ได้
คนที่ได้ข้อมูลเยอะๆ พอเรามีความคิดที่ต่างกัน เราก็ทะเลาะกันได้ง่ายมากเลยจ้ะป้า
ความคิดที่ต่างกัน ทำให้เพื่อนหนูเลิกคบกันไปหลายคนแล้ว
ข้อมูลมากมายที่เรารู้ รวมถึงอุดมการณ์ที่เรายึดมั่น
บางทีมันก็ทำให้เราคิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นจริงๆ
ตัวหนูเองก็ต้องคอยบอกตัวเองไม่ให้เกลียดใคร ไม่ให้ดูถูกใคร
มันยากมากเลยจ้ะป้า
เวลาป้าทะเลาะกับคนใกล้ๆ ตัวป้า ป้าเกลียดกันง่ายๆ ตัดขาดกันง่ายๆ อย่างนี้ไหมจ๊ะ

ป้าจ๋า หนูเคยได้เงินเดือนหมื่นนึง หนูก็มีความสุขดี
พอวันนึงได้เงินเดือนหมื่นเจ็ด หนูกลับอยากได้นั้นนี้
พอได้มากขึ้น หนูก็อยากได้มากขึ้นอีก หนูใช้เงินไม่พอ
แล้วหนูก็มาด่าตัวเองว่า มึงมันใช้เงินไม่เป็น
ป้าจ๋า หลายครั้งที่หนูอยากไปอยู่ต่างจังหวัดแบบป้า
ทำงานได้เงินสัก 5,000 ใช้เงินสัก 3,000
แบบนั้นหนูยังมีเงินเก็บมากกว่าทุกวันนี้เลย

ป้าจ๋า หนูมีเพื่อนเยอะแยะ มีที่เที่ยวหลายที่ มีมีตติ้งมากมายก็จริง
แต่เวลาที่หนูสบายใจที่สุด คือเวลาที่อยู่บ้าน
มันอาจจะน่าเบื่อ อยู่คนละโลกกับคนอื่น ไม่มีใครมาสนใจเรา
แต่คนที่รักเราที่สุดอย่างจริงจัง และพื้นที่เราเป็นตัวของตัวเองได้ ก็คือบ้านใช่ไหมจ๊ะ
ป้ากลับถึงบ้านแล้ว หวังว่าป้าคงสบายใจและมีความสุขเหมือนหนูนะ

ป้าจ๋า เวลาค่ำคืนที่ต่างจังหวัดมันคงเงียบๆ ใช่ไหมจ๊ะ
ป้าคงเข้านอนแต่หัวค่ำ แล้วก็หลับลงได้ไม่ยาก
แต่ป้ารู้ไหมจ๊ะ หนูเป็นทาสความเหงาด้วย
ตอนกลางวันหนูเจออะไรมากมายที่มันน่าตื่นเต้น
พอตอนกลางคืน มันเหมือนทุกอย่างหายไป
เหมือนทุกอย่างเป็นความฝัน และจริงๆ มีเราคนเดียวในโลก
ป้าจ๋า อยู่ในเมืองใหญ่ที่แสนศิวิไลซ์แบบนี้มันอาจจะสบายกาย แต่มันไม่ได้สบายใจเลยล่ะจ้
เพื่อนหนูก็มีหลายคนที่เจ็บปวดกับการใช้ชีวิตแบบนี้ บางคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นทาส
หลายคนนอนยังไงก็ไม่หลับ หลายคนเป็นโรคซึมเศร้า
คนหลายคนทนอยู่กับความรู้สึกแย่ๆ ของตัวเองมานานนม จนสุดท้ายต้องฆ่าตัวตาย
หนูว่ามันทรมานมากเลยนะจ๊ะ

หนูไม่รู้ว่า หนูเคยไปดูถูกป้าหรือเพื่อนป้าไหม
ถ้าเคยมีสักครั้งที่ทำให้ป้ารู้สึกว่า หนูซึ่งเป็นชนชั้นกลางสูงส่งกว่าป้าซึ่งเป็นชนชั้นต่ำ หนูขอโทษนะจ๊ะ
หนูอธิษฐาน ขออย่าให้ป้าต้องกลายมาเป็นทาสอย่างหนู
ขอให้ป้ามีความสุขกับการรู้จักพอในสิ่งที่มี
มีความสุขกับความรักความจริงใจที่เพื่อนๆ ป้ามีให้กัน
มีความสุขกับการเอื้อเฟื้อ ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดี

หนูอธิษฐานขอให้คนไทยรวมถึงตัวหนูเองตาสว่าง
เลิกเห็นแก่ตัว เลิกไม่รู้จักพอ เลิกตัดสินคนอื่น
คิดถึงคนอื่นเยอะๆ รักคนอื่นแบบไม่ต้องหวังประโยชน์บ้าง
ขอให้รัฐบาลเลิกคอรัปชั่น เลิกเอาเงินภาษีไปทำเรื่องไร้สาระ
แต่เอาเงินไปทำให้คนที่ไม่มีโอกาสเขาได้ลืมตาอ้าปากบ้า
ขอให้รัฐบาลทุกชุดทุกรุ่นไม่ปิืดหูปิดตาตัวเอง ไม่อคติ
และสำนึกถึงความไว้วางใจที่ประชาชนมีให้เยอะๆ

ป้าจ๋า ถ้าวันหนึ่ง หนูหลุดจากการเป็นทาสได้แล้ว หนูอาจจะตามไปอยู่กับป้านะจ๊ะ
คงไม่สามารถทำการเกษตรได้หรอกจ้ะ หนูมันอ่อนแอ ขี้เกียจ
แต่จะขอทำงานที่ช่วยให้ทั้งตัวเองและป้ามีความสุขกับการใช้ชีวิตได้มากขึ้นนะ

หนูพยายามอยู่จ้ะ
ขอบคุณนะจ๊ะ ที่ป้าช่วยให้หนูตาสว่าง
แล้วก็อยากบอกป้าว่า แม้หนูอาจจะมีเลือดเวียดนาม
แต่หนูและครอบครัวที่ยังมีชีวิตอยู่ทุกคน ทั้ง พ่อแม่ ยาย ลุงป้าน้าอา
เรามีหัวใจที่เป็นไทยเต็มร้อยจ้ะ

และหนูรู้ว่า ป้าก็มีหัวใจแบบเดียวกันใช่ไหมจ๊ะ

รักป้านะจ๊ะ แม้เราจะไม่รู้จักกัน

จาก... ทาส

13.5.53

ทำไมถึงกลับมา...

มีคนถามหลายคน... ว่ากลับมากินเหล้าแล้วเหรอ
คนที่ถามส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนที่กินด้วยกันนั่นแหละ
ไม่รู้ว่ามันดีใจ หรือยังไง
ส่วนคนที่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการกินเหล้าก็ไม่ค่อยถามเท่าไหร่
คงพูดไม่ถูก พูดไม่ออก

หมี่หยุดกินเหล้า (และเครื่องดื่มมึนเมาอื่นๆ) ไปประมาณ 5 ปี
ก่อนหน้านั้น ก็เรียกได้ว่ากินตามนัด ทุกสัปดาห์
ไปกะเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เพื่อนมหาวิทยาลัย เพื่อนรุ่นพี่
คนรอบตัวกินเหล้ากันทั้งนั้น
ไม่รู้เพื่อนเยอะเพราะกินเหล้า หรือกินเหล้าเพราะเพื่อนเยอะ
แต่โดยส่วนตัว หมี่ก็ไม่ได้คิดว่าการกินเหล้า (และมึนเมา) เป็นเรื่องเลวร้ายแต่อย่างใด
สนุกสนาน สบายใจ ได้เพื่อนใหม่เยอะแยะมากมาย

หมี่กินเหล้าเพราะความสนุกสนานนะ
จะมีกินประชดชีวิตก็นานๆ ที
แต่หมี่ก็มีเพื่อนที่กินเหล้าเพราะถ้าไม่กินจะนอนไม่หลับ
มีเพื่อนที่กินเหล้าเพราะเซ็ง เบื่อ อยากกล่อมตัวเอง
มีเพื่อนที่กินเหล้าประชดชีวิต
แล้วก็มีเพื่อนที่กินเหล้่าเพราะสนุกเหมือนกัน

ถ้าใครเคยไปอยู่ในวงเหล้าก็จะเข้่าใจบรรยากาศของมันนะ
เป็นกลุ่มที่ไม่มีกำแพง (และไม่มีสติ)
เราส่งรอยยิ้มให้กันทุกครั้งเวลายื่นแก้วเหล้าให้ชง
แล้วเราก็คุยกันในเรื่องลึกๆ ได้โดยไม่มีใครถือสาใคร
เข้าใจกันดี แม้ไม่ได้รู้จักกันมากนัก

ใครจะว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ไร้สติ ฉาบฉวย ก็คงไปว่าอะไรเขาไม่ได้
แต่สำหรับเรา มันก็เป็นที่พึ่งทางใจที่ดีสำหรับคนหลายๆ คน
คนที่ใช้ชีวิตอยู่กับเครื่องดื่มไร้สติแบบนี้ได้
ต้องเจอกับความเจ็บปวดหลายอย่าง
และบางที คนเราก็ช่วยตัวเองไม่ได้ในหลายๆ เรื่อง

ในสังคมไทยที่กินเหล้า (เมาหัวราน้ำ) กันเป็นกิจวัตรประจำวัน
มีค่านิยมที่มองว่าการกินเหล้าไม่ใช่สิ่งดีนัก
ศีล 5 ก็บอกว่าอย่าดื่มสุรามึนเมา
คนที่โบสถ์เดิมก็บอกว่าพระเจ้าไม่ชอบให้กินเหล้า
หมี่เองเคยเชื่อแบบนี้ ก็เลยบังคับตัวเองให้ไม่กินเหล้า

แรกๆ ก็ทำไม่ได้
พอเชื่อพระเจ้าแล้วทำได้ (ทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ด้วยความเชื่อ)
แต่หมี่กลับรู้สึกว่า เราทิ้งห่างมิตรภาพและการเป็นที่พึ่งทางใจเล็กๆ ให้คนอื่น
ไม่ใช่แค่ในวงเหล้า แต่กับที่อื่นๆ ที่คุ้นเคยด้วย

หนึ่งปีที่ผ่านมา หมี่รู้จักพระเจ้ามากขึ้น
พระเจ้าแสดงความรักต่อหมี่ผ่านสิ่งต่างๆ รอบตัว
ผ่านพ่อ ผ่านแม่ ผ่านเพื่อน (ที่ไม่เชื่อพระเจ้า) ผ่านคริสเตียน
ผ่านสายลม สายน้ำ แสงแดด
หมี่ขอบคุณพระเจ้าทุกวัีน
หมี่โทรหาเพื่อน ไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อยกว่าแต่ก่อน
คิดถึงคนอื่นมากกว่าแต่ก่อน

หมี่เชื่อว่า การกินเหล้าไม่ได้แปลว่าเป็นคนไม่ดี
มันอาจทำให้ร่างกายแย่ แต่บางทีจิตใจย่ำแย่ก็ทรมานกว่า
หากบางคนจะรู้สึกว่าการกินเหล้าทำให้เราดูเป็นผู้หญิงไม่ดี
ก็โอเคนะ เราก็บังคับใครให้คิดแบบไหนไม่ได้
แต่เราก็มีเพื่อนดีๆ ในวงเหล้าเพียบ
แฟนดีๆ ในวงเหล้าก็เคยมีเหมือนกัน

แต่เอาจริงๆ แ้ล้ว มีสาเหตุหลักอยู่อย่างเดียวที่กลับมาใกล้ชิดเครื่องดื่มมึนเมา

อยากกินเบียร์เพราะเบียร์อร่อย กินแล้วมีความสุข (ผิดเหรอ)
ทำร้ายร่างกายไม่ต่างจากกินเป๊บซี่หรือกาแฟหรือเนื้อติดมันหรอก

1.5.53

แด่คนที่หมี่รัก

วันนี้ฝนตกหนัก ไฟดับ
เหมือนรู้ว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
ฝนตกทั่วเมือง เกิดเรื่องทั่วเมือง และรถก็ติดทั่วเมือง
ไม่รู้อะไรเป็นสาเหตุของอะไ

ความอึมครึมของบ้านเราเกิดขึ้น มาสักพักแล้ว
ระหว่างที่การเมืองของบ้านเรา ก็ร้อนระอุและรุนแรงขึ้นเรื่อ ยๆ
ก็มีเหตุแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด อุบัติเหตุครั้งใหญ่แทรกมาเป็นระยะๆ
อย่างสม่ำเสมอและมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน

สร้างความหดหู่ได้อย่างต่อเนื่องมาก
ไอ้คนไม่ค่อยสนใจโลก ไม่สนใจสื่ออย่างหมี่
ก็ยังอดหดหู่อยู่ลึกๆ ไม่ได้

วันนี้ไฟที่ออฟฟิศดับ ดับนานเลย
แล้วก็ปวดอึขึ้นมาซะอย่างนั้น
ปกติท้องผูก วันนี้กูปวดอึตอนไฟดับ ไม่รู้เป็นอะไร
ก็ไปเข้าห้องน้ำชั้นหนึ่ง เพราะข้างบนน้ำไม่ไหล

นั่งๆ มืดๆ อยู่ ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในใจ
ถ้าพระเยซูกลับมาตอนนี้จะทำยังไงวะเนี่ย กำลังนั่งขี้อยู่ในส้วม
อุบาทว์น่าดู

นึกย้อนกลับ มันก็ใกล้เข้ามากแล้วจริงๆ นะ ใกล้ยุคสุดท้ายที่ถูกเขีัยนไว้
ผู้คนไม่รักกันอีกต่อไป มีสงครามเกิดขึ้นตลอดเวลา
แผ่นดินไหว การกันดารอาหาร
คนก็ถูกชักนำไปให้ห่างไกลพระเจ้า มากขึ้นเรื่อยๆ
ห่างไกลจิตใจตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ...

...อีกแป๊บเดียวพระเยซูก็จะกลับ มาแล้ว

หมี่เคยเป็นคริสเตียนประเภทที่พ่นเรื่องพระเยซูตลอดเวลาเหมือนเป็นคนบ้า
ก็บ้าน่ะแหละ บ้าจนคนไม่อยากเข้าใกล้ พูดไรไม่รู้ เอะอะจะชวนเขาไปโบสถ์ตลอด
ตอนนี้นึกถึงก็ตลกตัวเอง ไม่อยากทำแบบนั้นแล้ว เสียเพื่อน เสียความสัมพันธ์ไปหมด

ทุกวันนี้ รักคนอื่นได้มากกว่าตัวเองยังยากเลย จะพาเขามาหาความรักพระเจ้าได้ย ังไง
ทำได้แค่รักคนอื่น ดูแลคนอื่น ทำให้คนมีความสุขอย่างที่พระเจ้าต้องการ
แล้วก็ปล่อยให้พระเจ้าดูแลเขาต่อไป

ตอนที่นั่งส้วมวันนี้ ตอนที่คิดว่าถ้าพระเยซูกลับมาล่ะ...
ถ้าถึงเวลาที่พระเจ้าพิพากษามนุษย์ แล้ว
คนที่เรารักจะเป็นยังไง...
สำหรับหมี่ เมื่อวันที่พระเจ้ากลับมา หมี่ว่าพระเจ้าคงเปิดประตูให้เข้าไปพักผ่อน ต้อนรับหมี่กลับบ้าน
แต่คนอื่นๆ ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า เขาจะมองหน้าหมี่แล้วถามไหมว่า ทำไมถึงไม่บอก ทำไมถึงไม่เล่าให้ฟัง
ณ ตอนนั้นคงไม่ใช่หน้าที่ของหมี่ อีกต่อไป

พระเจ้าอาจจะนั่งคุยกับเขาทีละคนด้วยความรัก
อาจถามบางคนว่า "เจ้าอาจภูมิใจกับงานที่เจ้าทำ เจ้าอาจชื่นชมงานของคนอื่นๆ
แต่เจ้าเคยมองฟ้าที่สวยงาม มองทะเลที่กว้างใหญ่ แล้วนึกถึงบุคคลผู้สร้างสิ่งเหล่านั้นบ้างไหม"

พระเจ้าอาจจะถามบางคนว่า "เวลาที่เพื่อนหรือคนบางคนที่รักเจ้า เล่าเรื่องของเราให้เจ้าฟัง
ทำไมเจ้าถึงไม่เปิดใจแล้วลองทำ ความรู้จักกับเราดูบ้างล่ะ"

พระเจ้าอาจจะถามบางคนว่า "เจ้าไม่เคยรู้สึกถึงสิ่งดีๆ ที่เราให้กับเจ้าในช่วงที่ดำเนินชีวิตบนโลกเลยหรือ"

และพระเจ้าอาจจะถามบางคนว่า "เจ้าไม่เชื่อจริงๆ เหรอ ว่าเรารักเจ้า เราลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อรับโทษแทนเจ้า เพื่อให้เจ้าขึ้นสวรรค์มาอยู่กับ เราในวันนี้"

หมี่อยากเดินไปจับมือคนที่หมี่ีรัก แล้วก็บอกเบาๆ ว่า พระเจ้าสร้างหมี่มาและพระเจ้ารักหมี่มาก
พระเจ้ารักคุณมากๆ ด้วยเหมือนกัน
อยากบอกว่า พระเยซูไถ่บาปให้กับทุกคนแล้วนะ ทุกคนขึ้นสวรรค์ได้นะ

ช่วงนี้ ที่ทุกอย่างดูเลวร้ายมากขึ้นทุกที ดูเหมือนวันพิพากษาคือวันพรุ่งนี้เสียด้วยซ้ำ
หมี่อยากบอกว่า พระเยซูจะกลับมาจริงๆ นะคะ แล้ววันนั้นทุกคนจะรู้ว่าพระเจ้ามีจริง
พระเจ้ารอเรามานาน อย่าให้ทุกอย่างสายไปเลยนะค

(หมี่คงไม่ได้พูดเรื่องนี้มากนัก วันๆ ก็ได้แต่ขำๆ แล้วก็บอกชาวบ้านว่าพระเจ้าน่ารัก
แต่วันนี้เขียนเพราะรู้สึกว่าต้องเขียน หากจะมองว่าหมี่บ้าก็ไม่เป็นไร
แต่หมี่เชื่อสุดใจ สุดชีวิต ว่าหมี่จะได้สิ่งดี ได้่ขึ้นสวรรค์แน่ๆ และไม่มีอะไรที่ต้องกลัว)

ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนถึงบรรทัด สุดท้าย
พระเจ้าอวยพรค่ะ