31.1.51

อนาคิน สกายวอล์กเกอร์ VS ลอร์ด โวลเดอร์มอร์

นวนิยาย sifi หลายสิปปีก่อน และนวนิยายพ่อมดที่สุดจะฮิตในปัจจุบัน
มีหนึ่งเรื่องที่ให้ข้อคิดไม่ต่างกันกับเรา

เดี๋ยวมาอัพต่อ
ระหว่างรอก็ลองทายดูนะคะ

27.1.51

"สัญญา"

การทำตามสัญญา
รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ยากนะ ว่าไหม

ในปีหนึ่ง เราให้คำสัญญากับตัวเองไปกี่ข้อ
และให้คำสัญญากับคนอื่นไปกี่ข้อ
.....

แล้วเราทำได้กี่ข้อน้า
กี่ครั้งแล้วที่ให้คำสัญญาแก่คนอื่น
หรือรับปากอะไรสักอย่าง... แล้วก็ไม่ทำ

-- ไม่ใช่ทำไม่ได้
แต่ไม่ทำ --

เวลาที่เรารอคอยคำสัญญาของใครบางคน
...คำสัญญาที่มีคุณค่า และมีความหมายต่อชีวิต...
การรอคอยนั้นคงเต็มไปด้วยความกระวนกระวาย

แล้วเวลาที่ใครสักคน
รอคอยคำสัญญาของเรา โดยที่เราแทบไม่ได้ใส่ใจเลยด้วยซ้ำ
ว่ารับปากอะไรไป
... ก็เหมือนกับเราทำลายคุณค่าของคำสัญญาที่ให้กับคนอื่นไปอย่างไม่ตั้งใจ
ไม่ควรเลย

ถ้าหากมีใครคนหนึ่งให้คำสัญญากับเรา
เป็นคำสัญญาที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต

สิ่งเดียวที่จะทำให้การรอคอยนั้นไม่กระวนกระวาย
และไม่หวั่นไหว --

คือการมั่นใจว่า
เจ้าของคำสัญญานั้น... ไม่เคยที่จะไม่ใส่ใจ
ไม่เคยละเลยคำพูดใดๆ ที่ให้ไว้
ไม่เคยที่จะเลิกรัก
และไม่เคยที่จะทำไม่ได้ในสิ่งที่ตั้งใจ

ขอบคุณพระเจ้าค่ะ
สำหรับความมั่นคงในจิตใจ
ที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ทุกวัน

สัญญาค่ะ
ทุกคำสัญญาในครั้งต่อไป
จะเป็นคำสัญญาที่ไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง
และไม่ทำให้ใครต้องรอคอยอย่างไร้ความหมาย...

22.1.51

อบอุ่น ....

สองวันที่ผ่านมา
มีหมอกลง ระหวางการเดินทางไปทำงาน
อากาศเย็น สบายๆ ไม่หนาว แดดไม่แรง

ถ้าเดินกลางแดดจะรู้สึกอบอุ่นกำลังดี

ชอบเวลาที่หมอกลง
ชอบเวลาอากาศเย็นๆ
เพราะรู้สึกว่าคนรอบข้างจะทำให้เราอบอุ่นได้ง่ายกว่าบรรยากาศอื่นๆ

มีพี่คนหนึ่ง บอกว่า อยู่ใกล้หมี่แล้วรู้สึกอบอุ่น
หมี่ก็ถามเขาไปว่า "อบอุ่น หมายความว่ายังไง"
มันรู้สึกเหมือนปลอดภัย ไว้วางใจ คลายกังวล

เพิ่งจะเข้าใจความรู้สึกของคำว่า "อบอุ่น" เมื่อไม่นานมานี้
เวลาที่ใครบางคนอยู่ข้างๆ
คุยกันในเรื่องที่ง่ายๆ
บางทีก็รู้สึกอบอุ่น เลิกวุ่นวายได้ไปเยอะ
(ไปฟังเพลง เข้ากันดี ของ Scrubb ดูนะ แล้วจะเข้าใจ)

เวลาคุยกับบางคน
ปรึกษาหารือกันแทบตาย
ไม่ได้ช่วยให้หายกังวลอะไรเล้ยยยย

คนที่ทำให้เกิดความอบอุ่นในใจ คงหาได้ไม่ง่ายเท่าไหร่
หากันต่อไปนะ ชาวโลก

18.1.51

การหยุดพักของสมอง

อยู่ดีๆ ก็คิดขึ้นมาว่า
ในแต่ละวันของการดำเนินชีวิตของมนุษย์..
จำเป็นไหมที่ต้องมีการหยุดพักของสมอง
(แบบที่ไม่ใช่การนอนยาวอะนะ)

คนนี้ใช้สมองแบบนี้ ทำงานแบบนั้น ต้องมีเวลาพักสมอง หยุดคิดเท่านี้ชั่วโมง
คนนั้นใช้สมองแบบนั้น ทำงานแบบนี้ ต้องมีเวลาพักสมอง หยุดคิดเท่านั้นชั่วโมง

ว่ากันว่า ยิ่งคิดเยอะ คิดฉลาด
คิดเยอะแล้วฉลาดจริงรึเปล่า
ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ฉลาดหรือไงนะ

อย่างนี้ คนที่คิดไปเองในหลายๆ เรื่อง
แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
ถือว่าฉลาดไหม
คงจะไม่ เพราะตรรกะไม่ตรงกับผลลัพธ์ทางความคิดที่ได้

เท่าที่ค้นพบ มนุษย์หยุดพักสมองได้ 2 วิธีการ
วิธีการแรกคือนอนหลับ
--- นอนหลับแบบนอนยาว ปิดโหมดทุกส่วนของร่างกาย (ยกเว้นระบบหายใจ)
แบบนี้ได้พักทั้งสมองและร่างกายด้วย
.........
แต่หลายครั้งที่นอนยาวและก็ฝัน หรือบางทีก็หลับๆ ตื่นๆ
นอนเหมือนไม่ได้นอน พักเหมือนไม่ได้พัก
อืม... คงใช้ได้ระดับหนึ่ง

วิธีการที่สอง ก็คือ
(ใช้ได้กับทุกคนนะคะ)
หยุดพักกับพระเจ้า
เวลาที่เราไว้วางใจพระเจ้ามากจนถึงระดับหนึ่ง
สมองจะหยุดคิดในเรื่องวุ่นวายมากมาย หยุดกังวลกับการงานและปัญหาทุกสิ่งอย่างได้

การคิดตลอดเวลา อาจทำให้สมองทำงานตลอดเวลา
แต่การคิดในสิ่งที่ไม่ควรจะคิด นอกจากสมองจะทำงานหนักแล้ว
อาจจะทำให้หัวใจทำงานหนักด้วยเช่นกัน

หยุดพักสักหน่อยก็ดีนะ ทั้งสมองและหัวใจ
ไม่ใช่แค่หยุดการคิด
แต่เอาหัวใจเข้ามาปรับสมดุลในความถูกต้อง
สมองก็น่าจะถูกปรับสมดุลด้วยนะ

แบบนี้ การคิดคงไม่ทำให้สมองเหนื่อยสักเท่าไหร่แล้วล่ะ

ขอบคุณพระเจ้าค่ะ
ที่สอนวิธีการคิดอย่างถูกต้อง
(และให้อภัยในการคิดของหมี่ ที่บางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้อง...จนเหนื่อยไปเอง)

15.1.51

-- นึกว่าง่าย --

หนึ่งเรื่อง ที่แอบกลุ้มใจและเป็นห่วงที่สุดตอนนี้

ปกอัลบั้ม Eve & the Adams

เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ไปถ่ายปกอัลบั้มกัน
หลังจากที่ต้องเร่ง product เพื่อให้การประชาสัมพันธ์ไปตามเป้าหมายได้
(โดยที่สรุปคอนเซ็ปต์ ภาพลักษณ์อะไรต่างๆ นาๆ ก็ยังเพิ่งจะลงตัว เห็นภาพตรงกันเอาวันพุธเอง)

น่ากังวลเป็นที่สุด
การทำงานที่เรายังไม่เห็นภาพอะไรเลย
และก็มีข้อจำกัดเต็มไปหมด
ภาพที่ออกมาในเบื้องต้น...เป็นที่น่าพอใจ...
เราตื่นเต้นและสนุกสนานกับรูปถ่ายเหล่านั้นมากเลยนะ
รู้สึกว่า นี่แหละ ธรรมชาติของนักดนตรีวงนี้ที่เรารู้จัก

มันก็คงไม่เพียงพอหรอก สำหรับความคิดของเด็กน้อย 2 คน
ที่ไม่ได้มีประสบการณ์ ไม่ได้มีความสามารถทางด้าน Art มากมาย

ข้อสรุปที่เป็นความคิดเห็นของหลายๆ คน ก็คือ ไปถ่ายรูปกันอีกสักครั้งดีกว่า หลังจากที่เราเห็นภาพในหัวกันแล้ว
ภาพการเดินทางที่เต็มไปด้วยแสงสะท้อนเลนส์จากดวงอาทิตย์
ที่สื่อความหมายของ seek & find อย่างได้อารมณ์และสวยงาม

... บรรยายไม่ถูก
ไม่อยากยอมรับความล้มเหลวของตัวเองที่ทำงานได้ไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ไม่อยากยอมรับคำตอบสุดท้ายจากบางความคิดเห็น ทั้งที่ก็ยังบอกตัวเองไม่ได้
-- ว่าการถ่ายภาพใหม่เป็นทางออกที่ดีที่สุด --

แต่อย่างน้อยก็คงต้องยอมรับว่า
การทำงานลงแรงและลงเงินในตอนนั้น
ยังถูกใช้ได้ไม่คุ้มค่า
เพราะงานไม่ได้ถูกคิดและควบคุมอย่างดีที่สุด

... น่าเสียใจ ...
แต่ไม่เป็นไร เป็นบทเรียนที่สอนหมี่ว่า
ไม่มีงานอะไรที่ง่าย ใช้เวลาน้อย ทำการบ้านน้อย
... แล้วจะออกมาดี อย่างที่ตั้งใจ


สุดมือคว้า คือจุดเริ่มต้นของพระหัตถ์พระเจ้า
แต่ถ้าไม่สุดมือจริงๆ พระหัตถ์พระเจ้าก็ยังมีพระคุณ

...ที่ดึงมือของเราให้ยืดยาวจนสุด เพื่อการทำงานในครั้งต่อไป...

12.1.51

... ไม่มีอะไร ...

เมื่อวันก่อนได้พบปะสังสรรค์กับเพื่อนพี่น้อง ญาติมิตรแห่ง "สารกระตุ้น"
หลังจากไม่เจอกันเ้กือบปี
หลังจากนิตยสารที่เป็นแรงบันดาลใจของเรา...ปิดตัวไป...

เหมือนเศร้าแต่ไม่เศร้า
การกลับมาพบกันอีกครั้ง เต็มไปด้วยความสนุกสนาน
ไม่น่าเชื่อว่าการทำงานร่วมกันในเวลาเพียง 6 เดือน
ของคนต่างอายุ ต่างที่มา ต่างสังคม
จะทำให้เรารู้จักกันและสนิทกันได้ขนาดนี้
เป็นช่วงเวลาชีวิตที่ดีจริงๆ ค่ะ
ขอบคุณมากนะ
--สารกระตุ้น--

ตอนที่จะเขียนมันเหมือนไม่รู้จะเขียนอะไร
ก็เลยใช้ชื่อว่าไม่มีอะไร (จะเขียน)

แต่คำว่าไม่มีอะไร
สำหรับใครหลายคนก็ไม่ได้หมายความตามนั้นใช่ไหมล่ะ

>_<

10.1.51

-- พายุลูกต่อไป --

เมื่อ 3 เดือนก่อน
ชีวิตเหมือนถูกพัดด้วยพายุแทคกา-ตูน
แทคกา-ตูนที่มีรายละเอียดในเนื้องานเยอะแยะมากมาย
คล้ายๆ พายุ ที่หมุนๆ พัดชีวิตให้มึนงง

พายุลูกแรกคงเป็นพายุ Nic Channel
ไม่รุนแรง ไม่หมุนเร็ว แต่ลูกใหญ่ แล้วก็เป็นลูกแรกด้วย
รับมือกันแบบตั้งตัวทัน ลุยเต็มที่ แต่มั่วอยู่

ต่อมาเป็นพายุแทคกา-ตูน
ลูกใหญ่ พัีดแรง ลีลาเยอะ
ไอ้ที่คิดว่าจะรับมือทัน รับไหว
-- ก็เกือบตายเหมือนกันแฮะ --
ไม่ค่อยเหมือนกับลูกแรกสักเท่าไหร่
ขนาดมีคนเยอะกว่าเดิม
ยังแทบหมดแรง

ตอนนี้พายุแทคกา-ตูนเริ่มสงบลง
(หรือไม่ก็มีคนอื่นเข้าไปหมุนอยู่กลางพายุแทน)
มีพายุลูกใหม่เข้ามาอีกลูก
คืออัลบั้ม Eve & the Adams ของเพื่อนรักนั่นเอง

ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา
ลุยงานนี้แบบเต็มตัว
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งกายและใจ
สับสนวุ่นวายแล้วก็เครียดจนปวดหัว

แต่มันก็สนุกดี
ได้ไปนั่งคุยกับอาร์ตไดเก่งๆ
มือกราฟิกส์เก่งๆ
ได้ไปเดินดูโลเกชั่นแล้วก็ถ่ายภาพ
ข้ามเรืออีกต่างหาก

...ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย...

ก่อนหน้านี้ ใช้ชีวิตกับการประชุมทั้งวันทั้งคืน

พายุลูกนี้ก็คงจะสอนอะไรหมี่อีกเยอะเลย


จริงไหมที่ว่า
เด็กที่ทำการบ้านด้วยตัวเอง... น่าจะเป็นเด็กที่พัฒนาได้เร็ว
วันนี้เดินขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน
ก็คิดขึ้นมาว่า...
เอ๊...เขาจะต้องกะละเอียดขนาดไหนนะ
ว่าใต้ดินตรงนี้ ไปโผล่บนดินตรงนั้น แล้วจะไม่ชนอะไร
จะต้องหาข้อมูลอะไรบ้าง

เราทำงานโทรทัศน์ งานเพลง งานที่ต้องเสนอไอเดียทางด้านภาพ
ต้องหาข้อมูลคงไม่ถึงเศษ 1 ส่วน 100 ของเขาเลย
...ยังมีอารมณ์ไม่อยากจะทำ...

แล้วงานของคุณจะดีได้ัยังไงล่ะคะ

คงต้องเรียนรู้จักการทำการบ้านมากขึ้น

เฮ้อ...
การทำงานโปรดักชั่นมันไม่ใช่คิดวัน 2 วันเสร็จ
แล้วอะไรก็ได้ที่ไหนล่ะ

คิดแล้วคิดอีกยังไม่ดีเลยบางที

สู้ต่อไป
อีกหน่อยเธอคงเข้าใจ
(และอีกหน่อยเราก็คงเข้าใจเหมือนกัน)

ขอบคุณพระเจ้าค่ะ สำหรับพายุลูกนี้
เชื่อว่าคงจะไม่พังเยอะ

3.1.51

ประกันสังคม T_T

ปีที่ผ่านมาไปโรงพยาบาลค่อนข้างบ่อย
ประมาณว่า ได้สิทธิ์ประกันสังคมที่โรงพยาบาลยันฮี
(พอพูดถึงชื่อโรงพยาบาลนี้ นึกถึง ศัลยกรรมหน้าอกและจมูกขึ้นมาทันทีเลยใช่ไหมล่ะ 555)

เป็นโรงพยาบาลที่บริการดี และใกล้บ้าน
(รักษาทุกอย่างนะคะ ไม่ใช่แค่ศัลยกรรม)

ก็เลยได้ไปใช้บริการโรงพยาบาลดีๆ ฟรีตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
เห็นคุณค่าของประกันสังคมมาตลอด

ทีนี้ เนื่องจากปีใหม่ ป่วยหนัก (อีกแล้ว)
ไข้ขึ้น นอนไม่ได้ ปวดไปทั้งตัว น้ำมูก เสลด ย้อยตลอดเวลา
ก็ต้องไปหาหมอ
ปรากฏว่า ประกันสังคมของเรา ย้ายไปอยู่ราชวิถีซะแล้ว
(ไปได้ยังไง ยังงง)

จะบอกพยาบาลว่า ไม่เอาแล้วค่ะ หนูไม่หาหมอแล้ว ก็คงจะดูงกเกินไป
เพราะหน้าโทรมซีดเซียว ยืนแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ณ เวลานั้น

ก็เลยตัดสินใจหาหมอ
หมดไป 929 บาท

หลายคนบอกว่าไม่แพง
บางที่แพงกว่านี้อีก
(ใช่ไหมคะ)

แต่เรา ผู้หาหมอฟรีมาตลอด
ก็แอบน้ำตาไหล
ได้ยาแก้อักเสบมา 1 แผง
พาราเซตามอล 2 แผง (ห้ามกินเกิน 7 วันด้วยนะ)
ยาแก้ไอ และยาลดน้ำมูก อีกอย่างละ 1 แผง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้าไม่จำเป็น อย่าไปโรงพยาบาลเวลาที่ประกันสังคมหมด
มันไม่คุ้มเลย

แล้วก็
ทำงานหาเงินเพื่อมาหาหมอ
มันน่าเสียดาย

พรุ่งนี้จ่ายหมอฟันอีก 5,000
ก่อนหน้านี้จ่ายไปแล้ว 9,000
เอาเข้าไป

เอ๊อออออ

กว่าจะรู้ว่าสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ
ก็ได้รับบทเรียนไปหลายดอก
ตลอดปีเลยล่ะ

เอาเป็นว่า
ขอบคุณพระเจ้าค่ะ
หนูจะไม่คิดว่า ตัวเองฟิตและแข็งแรง แบบเว่อร์ๆ อีกต่อไปละ

ออกกำลังกาย และ พักผ่อนให้เพียงพอนะจ๊ะ ชาวโลกทั้งหลาย

2.1.51

H a p p y N e w Y e a r 2 0 0 8

เป้าหมายปี 2008
--- นอนก่อนเที่ยงคืน ตื่นก่อนเจ็ดโมง ---

มีแต่คนถามว่าจะทำได้ไหม
ป่วยน้ำมูกย้อยตั้งแต่ต้นปี

คงต้องทำให้ได้แล้วล่ะค่ะ
ไม่งั้นปีหน้าเป็นหนักกว่านี้แน่ๆ เลย

พระเจ้าอวยพรทุกคนนะคะ
ขอให้เป็นปีใหม่แห่งความสุขสันต์
เย้ๆๆๆๆ