28.9.54

หนทางชนะความสิ้นหวัง

"คนในครอบครัวเราเองก็อย่าปล่อยมือจากกัน อย่ายอมแพ้ต่อชีวิตของตัวเอง
ต่อให้มีเรื่องลำบาก เรื่องน่าเศร้า สิ่งที่สำคัญคือทุกคนในครอบครัวมากินข้าวพร้อมหน้า
เรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้เลยคือปล่อยให้ท้องหิว กับการอยู่คนเดียว
เพราะอย่างนั้น การที่ทุกคนอยู่กับฉันมาตลอด จึงทำให้ฉันมีความสุขอย่างมาก"
จาก SUMMER WARS ฉบับการ์ตูน เล่ม 3

เมื่อเช้าฝนตกหนักติดต่อกันหลายชั่วโมง
แล้วก็ตามคาด น้ำล้นจากแม่น้ำปิง ท่วมตัวเมืองเชียงใหม่หลายๆ จุด
ได้คุยกับคนเชียงใหม่ เค้าบอกว่าปีนี้น้ำเยอะกว่าทุกปี

ดูเหมือนว่าอนาคตที่ถูกเขียนไว้ คงใกล้จะเป็นจริงเร็วๆ นี้
อนาคตเป็นสิ่งน่ากลัวก็จริง แต่ปัจจุบันอันเลวร้ายที่เห็นอยู่กับตากลับน่ากลัวกว่า

ช่วงนี้มีอะไรอยู่ในหัวที่อยากทำเยอะแยะเต็มไปหมด
วางแผนนั้นนี้ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะอยู่ถึงวันนั้นหรือเปล่า คิดไปแล้วอาจจะไร้ประโยชน์
เช่นเดียวกัน กังวลไปก็อาจจะไร้ประโยชน์

สิ่งที่ดีที่สุดคือ เราไม่ได้อยู่คนเดียว
จริงๆ แล้วมันโคตรจะดีเลยที่เราไม่ได้อยู่คนเดียว
ถ้าเรายังไม่ได้อยู่คนเดียว ชีวิตและอนาคตก็คงยังไม่จบ

ในหนังสือการ์ตูนอีกเล่ม 20th Century Boy
มีบทสนทนาอันนึง

"บอกผมที่ ว่าทำยังไงถึงจะชนะความสิ้นหวังได้"

"หนทางชนะความสิ้นหวังเหรอ...



ไม่มีหรอก



แต่มีสิ่งที่ทำได้ คือ เดินต่อไป..."


คิดเอาเองว่าการ์ตูน 2 เล่มนี้รวมกันแล้วเท่ากับ
"เดินต่อไปกับครอบครัวของคุณ"
ครอบครัวคือคนที่รักกัน จับมือกัน ไปด้วยกัน ประคับประคองกัน

ว่าแล้วก็...
ถ้ากลับไปวันไหน หรือขึ้นมาวันไหน
มากินข้าวพร้อมหน้ากันนะ

15.9.54

ทำไม

"ทำไมกูต้องจ่ายเงินเดือนละตั้งหลายพันเพื่อไปอยู่หอเล็กๆ ชั้น 4 ที่เชียงใหม่
ในเมื่อคอนโดตัวเองก็ใหญ่ แถมอยู่ตั้งชั้น 15 ลมดีกว่าตั้งเยอะ"
เป็นคำถามที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนที่ไปยืนรับลมที่ระเบียงคอนโด เช้าวันที่ถึงกรุงเทพ

คนเรานี่นะ บางทีทำอะไรก็ไม่รู้เหตุผลหรอก รู้แต่ว่ามันต้องทำแล้ว ต้องไปแล้ว
อยู่กับที่ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

การมาอยู่เชียงใหม่มีข้อเสียอยู่หนึ่งอย่าง
คือ สถานที่ดีๆ สำหรับการหลบหนีโลกแห่งความเป็นจริงได้หายไป
ส่วนข้อดีของมันก็คือ ชีวิตจริงของเรากลายเป็นโมเมนท์ที่มีความสุขได้มากขึ้น

ไม่รู้อุปาทานหรือเปล่า
แต่อยู่เชียงใหม่ไม่ค่อยเป็นหวัด (เป็นกระเพาะบ่อยกว่า เพราะตื่นกับนอนตามใจตัวเองมาก - -")
ไม่ว่าจะฝนตกหรือแดดออก ดอยสุเทพและอ่างแก้วก็ยังน่ามองอยู่เสมอ

กลับมาเล่าต่อในช่วงที่อยู่กรุงเทพ
"ทำไมกูต้องมายืนโบกรถเมล์สายที่ไม่ค่อยยอมจอดป้ายวะ"
"ทำไมพ่อแม่ต้องจ่ายเงินแพงๆ มาให้ลูกเจอรถติดหน้าโรงเรียนมันทุกวันวะ"
"ทำไมมันยึดสองเลนส์แล้วไม่รู้สึกละอายใจบ้างวะ"
"ทำไมเลือกรับคนเฉพาะทางที่อยากไปวะ ทำไมมาขับแท็กซี่ ไม่ไปขับรถเมล์ซะให้สบายใจ"
"ทำไมต้องมายืนรอต่อคิวเพื่อกินข้าวแพงๆ ที่หากินได้เกลื่อนกลาดทุกห้าง"
"ทำไมใครๆ ก็อยากมาเซ็นทรัลลาดพร้าววะ"
คำถามพวกนี้ผุดขึ้นมาเป็นระยะตลอดการเดินทาง

อืม
ได้คำตอบของคำถามแรกแล้วมั้ง

4.9.54

การ์ตูนในดวงใจวันนี้


เพิ่งอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นจบไปหนึ่งเรื่อง
แบบว่าเช่ามาตั้งแต่เล่ม 9 ถึงเล่ม 15 อ่านภายใน 24 ชม.
อินมาก ต้องอ่านให้จบ

แต่ก่อนเวลาอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นก็จะเลือกแต่พวกการ์ตูนตาหวาน
หรือไม่ก็การ์ตูนดังๆ ที่พี่ชายซื้ออ่าน อย่าง โคนัน GTO
หารู้ไม่ว่า ยังมีโลกอีกหลายใบนัก ที่เรายังไปไม่ถึง

การ์ตูนเรื่องที่กำลังจะกล่าวถึงนี้มีชื่อว่า "Spiral ผ่าเกลียวปริศนา"
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=oranuncha&date=18-10-2006&group=1&gblog=2
อ่านข้อมูลและ review คร่าวๆ ตามลิงก์ด้านบน

เป็นเรื่องราวของเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำเนิดมาจากยีนส์อันตรายของคนคนหนึ่ง จากการผสมเทียมโดยฝีมือองค์กรลับ
ที่เชื่อว่าบุคคลเจ้าของยีนส์นี้ เป็น "ปีศาจ" ที่พระเจ้าส่งให้มาทำลายโลก
(ซึ่งก็มีความสามารถ เฉลียวฉลาด และชั่วร้ายจริง)
ยีนส์อันตรายนี้จะทำงานเมื่อเด็กอายุ 20 ปี เขาจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
แต่จะทำเรื่องชั่วร้ายเพื่อให้โลกเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
เด็กเหล่านี้ได้รับสมยานามว่า Blade Children

มีคนไม่เห็นด้วยกับการสร้าง Blade Children และตามฆ่าทำลายล้างก่อนที่พวกเขาจะอายุถึง 20 ปี
ทำให้เด็กกลุ่มนี้เติบโตมาด้วยการหลบหนี ฆ่าฟัน เป็นชีวิตที่ต้องคำสาป และรอคอยคนที่มาปลดปล่อย

ในขณะเดียวกันก็มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่ง ที่ฉลาด เก่งกาจ ถือว่าเป็น "พระเจ้า" ที่มาทำลายปีศาจ
พระเจ้าคนนี้ได้วางแผนการเพื่อให้ Blade Children ได้รับการปลดปล่อย
โดยสร้างสถานการณ์ให้คนทุกคนฝากความหวังไว้ที่น้องชายของเขา
น้องชายของพระเจ้ามีทุกอย่างเหมือนกับพระเจ้า แต่ไม่เคยตามทัน ไม่เคยชนะ
ทำให้เขาเป็นเด็กที่ถูกแย่งชิงความสุข และชีวิตเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แต่ในสถาณการณ์ที่เลวร้ายที่สุด คนที่พ่ายแพ้มาตลอดคือคนที่ปลดปล่อยจิตใจต้องคำสาปของคนอื่นๆ
โดยที่มือไม่ต้องเปื้อนเลือดฆ่าฟันใคร

คำตอบของเรื่องนี้คือ ในความสิ้นหวังมีความหวัง
แน่นอนว่าทุกคนมีความเกลียดชัง พ่ายแพ้ มีคำสาป
แต่ว่าแต่ละคนต้องช่วยเหลือตัวเอง ไม่ใช่สิ้นหวังไปกับชะตากรรม หรือรอให้ใครมาช่วยเหลือ
คนที่ล้มลง พ่ายแพ้ ทำผิดมาก่อนนั่นแหละ ถึงจะเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นได้

ตอนจบ ผู้ปลดปล่อยคนนี้ กลับกลายเป็นโคลนนิ่งของพี่ชาย ที่ได้ชื่อว่า "พระเจ้า"
และมีอายุสั้น อยู่ได้แค่ 20 ปี

มันเป็นการ์ตูนที่ขำ สนุก ท้าทาย ใช้สมอง หดหู่ และ...เศร้ามาก
คนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้เขียนได้ลึกซึ้งมาก เข้าใจชีวิตมาก

ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้จริงๆ นะ
เหมือนต้องคำสาป
เหมือนถูกไล่ล่า และคอยไล่ล่าคนอื่นเพื่อปกป้องตัวเอง
เหมือนสิ้นหวัง และบางครั้งก็มีความหวัง
เจ็บปวดกับการถูกหักหลัง เจ็บปวดกับความความเชื่อใจ
บางครั้งดิ้นรนหาทางรอดให้ตัวเอง แต่บางครั้งก็อยากทิ้งทุกอย่างให้เป็นเรื่องของชะตากรรม

ชีวิตมันมีอยู่เพื่ออะไรกันแน่

นี่คือเนื้อเพลงในตอนจบของเรื่อง
"เราจะวาดความหวังต่อไปไม่สิ้นสุด
แม้เบื้องหน้าจะเห็นแต่ความมืดมน แต่เสียงที่กังวานนี้จะดังก้องต่อไป
เพื่อใครบางคนบนเส้นทางแห่งอนาคต
ขอให้คำอธิษฐานและการอำนวยพรนี้ ยืนยง..คงอยู่..ตลอดไป..."

ชีวิตมีอยู่เพื่อมีความหวังและก้าวเดินต่อไป
เพื่อใครบางคนในวันข้างหน้า
อาจไม่ใช่เราที่อยู่ในเส้นทางแห่งอนาคตนั้น
แต่วันนี้ เราคือคนที่กำลังส่งเสียงกังวานที่ดังก้องอยู่

ใช่คำตอบที่ถูกต้องรึเปล่านะ
ยิ่งใหญ่เกินไปจริงๆ

สุดท้ายแล้ว
ขอมอบเพลงนี้ให้กับชีวิต

http://www.youtube.com/watch?v=oV9aA4W_YxI


อย่าให้ใครเขาเป็นเจ้าชีวิตเธอ...นะคนดี
เพราะเราเกิดมาในโลกแห่งเสรี

อย่าให้ใครเขาเป็นเจ้าชีวิตเธอ...นะคนดี
มองดาวบนฟ้าเราก็เป็นได้แค่ฝัน

ทุกวันไม่มีที่สิ้นสุด
แต่ใจเอ๋ยใจของมนุษย์...สุดจะลึกที่จะพรรณนา

จึงอยากกู่ร้องเป็นท่วงทำนองของชีวิต

ถึงอดีตบางครั้งอย่างปวดร้าว
แม้บทเพลงที่เคยร้องรำทุกค่ำเช้า

นี่ชีวิตเราหรือใครเขาเป็นเจ้าของ


เพื่อเธอคนดีแด่คนช่างฝัน
อย่าให้มันต้องกลายเป็นฝันร้าย

มองฟ้าคืนนี้ยังมีดวงดาวดูพราวพราย
แค่อยากรู้ใครคือเจ้าของเธอ