19.8.52

แก้ไข & ป้องกัน

วันนี้มีงานแถลงข่าวโครงการ Healthy Avenue
เป็นโครงการที่บริษัทยาแห่งหนึ่งได้ร่วมงานกับรัฐบาลและโรงพยาบาลหลายแห่ง
จัดกิจกรรมตรวจร่างกายให้กับประชาชนฟรี
เป็น 7 โรคที่ความเสี่ยงสูง และมีโอกาสตรวจได้ยาก
และให้คำแนะนำสำหรับแนวทางป้องกัน

(ดีใจจัง ตรวจร่างกายแล้วไม่มีความเสี่ยงใดๆ
ผลออกมาว่า ตอนนี้ร่างกายฟิตเหมือนคนอายุ 18 อิอิ)

แพทย์ท่านหนึ่ง ให้ข้อมูลที่เจ๋งมาก ประมาณว่า
"เดี๋ยวนี้โรงพยาบาลไม่ได้รักษาโรคแบบเดิมแล้ว
แต่เปลี่ยนแนวไปเป็นการให้คำปรึกษาเพื่อป้องกันมา่กกว่า"

พี่แอน บก.นิตยสาร SHAPE ที่หมี่ไปทำงานด้วย
พูดถึงแนวเนื้อหาของนิตยสารว่าเราเน้นการดูแลสุขภาพเพื่อการป้องกัน

หมี่คิดว่าการป้องกัน คือการมองไปที่อนาคต มี Vision แบบก้าวหน้า
ส่วนการแก้ไข คือการจัดการกับผลสืบเนื่องของอดีต ไม่ต่างอะไรกับการย่ำอยู่กับที่
แน่นอนว่าเราละเลยการแก้ไขปัญหาไม่ได้ (ไม่งั้นจะมีปัญหามากขึ้น ย่ำต่อไปอีกนาน)
แต่เราควรยอมรับในหลายๆ ครั้งที่ปัญหาเกิดจากการที่เราไม่ได้ป้องกันให้ดี

คนที่มีอายุมากๆ (ยิ่งมากยิ่งดี) มักจะปลง เข้าใจโลกและเข้าใจชีวิต
มีความสุขได้ในการมีชีวิตอยู่ แม้จะใกล้ตายเต็มที่
ถ้าหากว่ามีโอกาสได้คุยกับคุณยาย คุณย่า ถึงชีวิตที่ผ่านมาของท่าน
ลองเปิดใจถามท่านถึงความสำเร็จ ความผิดพลาดล้มเหลว
มุมมองที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆและมุมมองที่ดีที่สุดในการใช้ชีวิต
เผื่อจะสามารถใช้ชีวิตอย่างดี มีัการป้องกันมากขึ้น
ไม่ใช่ต้องมาคอยตามแก้ไขจนไม่มีที่สิ้นสุด
และไม่ได้ทำอะไรดีๆ ให้โลกสักที

เราใช้เวลาอยู่กับความขัดแย้งและความเหงามากไปไหม
คนแก่คงรู้แล้วล่ะ ว่าเงินทองไม่ได้มีค่าไปกว่าความรักของคนรอบข้าง
ถ้าเรารู้แล้วจะได้ป้องกัน ไม่ไปสร้างฐานะมากกว่าสร้างมิตร

เราให้เวลากับงานและการศึกษามากไปไหม
คนแก่คงรู้แล้วล่ะ ว่าความสำเร็จไม่ใช่ทุกสิ่งของชีวิต
ถ้าเรารู้แล้วจะได้ป้องกัน ไม่ปล่อยให้ชีวิตพังเพียงเพราะล้มเหลวกับงาน

เราหดหู่ ผิดหวัง กับคนที่เรารักบ่อยครั้งเกินไปไหม
คนแก่คงรู้แล้วล่ะ ว่าความรักจริงๆ มันคือการให้ไม่หวังอะไรตอบแทน
ถ้าเรารู้แล้วจะได้พยายามทำความเข้าใจ
ว่าไอ้ที่รักๆ และทุ่มเทไป มันจะไม่ได้กลับมาอย่างต้องการทุกครั้งหรอก

เราทำอะไรตามใจคนอื่น จนลืมความรู้สึกของตัวเองไปแล้วหรือไม่
คนแก่คงรู้แล้วล่ะ ว่าการละเลยความต้องการของตัวเองไม่ใช่หนทางที่ดีเลย
ถ้าเรารู้แล้ว จะได้ทำในสิ่งที่เชื่อและต้องการได้อย่างมั่นใจ

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขให้มากเถอะค่ะ
รักษาสุขภาพกายและใจของคุณเสมอ
มองโลกในมุมที่สวยงาม
เพราะโลกนี้และมนุษย์ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวขนาดนั้น
นัดเจอเพื่อนที่อยากเจอ
ไปหาคนที่คุณรัก
นอนให้เพียงพอ กินให้อร่อย
รักตัวเองให้มาก
เห็นคุณค่าตัวเองและคนอื่นให้มากเช่นกัน

เพื่อวันแห่งวิกฤตของคุณมันจะไม่เลวร้ายเกินไป
จนต้องมาตามแก้ไขอะไรไม่รู้ยาวเหยียด

16.8.52

When you're alone.

You have to face the truth of your life,
Sometimes you lost on your way.
Many things in this life you cannot control.
You can do nothing to reach your target, even dream.
Once you meant to be better, you missed it,
again and again.

You have to face yourself,
You'll know that you're lonely.
You're selfish and really greedy.
You ask for somethings in spite of considering you shouldn't receive it.
And when you have a chance to appreciate the grace, you fear to get it,
you fear to be responsible in your life.

You'll grow up through these pain waiting for you when you're alone.
Try it!

(first time writing English blog, sorry for my poor English)

9.8.52

หาดเทียน's week

เมื่อวานนี้ไปโบสถ์
พี่น้องคนหนึ่งแบ่งปันเรื่องราวชีวิตของเขาและแนวคิดของ Jesus Christ
เกี่ยวกับการใช้ชีวิตที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากและเจ็บปวด

สัปดาห์ที่ผ่านมาของหมี่ เริ่มต้นด้วยความดื้อดึง
เป็นเด็กน้อยขี้กลัวที่โยนความผิดให้กับคนรอบข้าง
กว่าจะเคลียร์ปัญหาได้ ก็ร้องห่มร้องไห้ไปหลายยก

เวลาที่เรารู้ตัวและยอมรับว่าเราทำผิด
ยากมากเหมือนกันนะ ที่จะบอกตัวเองให้ลุกขึ้นใหม่
เพื่อรอรับอะไรดีๆ ในชีวิต

สถานการณ์ที่เราเจอในแต่ละวัน
บ่อยครั้งที่มันมากระตุ้นให้เรารู้สึก "แย่"
และเราต้อง "เลือก" ว่าจะจัดการกับความ "แย่" นั้นอย่างไร

เช้าวันอังคารอัมรินทร์โทรมา ถามว่ายังอยากทำงานด้วยอยู่ไหม

วันพุธได้ไปเที่ยวหาดเทียน ที่เกาะล้าน พัทยา
จากความวุ่นวายที่เจอและความขี้เกียจ
เลยคิดอยู่นาน ว่าจะไปดี หรือไม่ไปดี

ความรักและแรงกดดันจากพี่ชายน้องสาวที่น่ารัก
ก็ทำให้ตัดสินใจไป (แล้วก็กลัวว่าได้ทำงานแล้วจะอดเที่ยวด้วยล่ะ)













เกาะล้านเป็นเกาะที่มีคนต่างชาติมาเที่ยวเยอะ
โดยเฉพาะหาดเทียนที่หมี่ไป คนไม่ค่อยค้างคืนกัน
หลังจาก 5 โมงเย็น ก็เลยเหลืออยู่แค่ 6 คนบนเกาะ

เป็นอีกช่วงเวลาที่ดีเหมือนกันนะ
ได้เล่นน้ำทะเลเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี (น้ำใสมากกกกก)
ต้มมาม่าในหม้อต้มยำ ตอนห้าทุ่ม ใช้ทิชชู่เป็นเชื้อเพลิง
นอนหลับริมทะเล ตากลมเย็นๆ ทั้งคืน
อ่านหนังสือจบไป 1 เล่มครึ่ง
















วันพฤหัสบดี เดินทางกลับ
อัมรินทร์โทรมาบอกว่าให้เริ่มงานได้ 17 ส.ค. นี้
ฐานเงินเดือนได้ตามที่ขอไว้

เย็นวันศุกร์ ไปกินข้าวกับเพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนานมาก
นั่งร้านริมแม่น้ำ (ร้านใกล้บ้านมากๆ แต่ไม่เึคยไป)
ตั้งแต่ทุ่มครึ่ง ถึงเที่ยงคืน

วันเสาร์นั่งทำงานกับน้องชายสุดที่รัก ตามคำสั่งแม่
ได้คุยกันหลายต่อหลายเรื่อง
เหมือนได้อัพเดทชีวิตและวิธีคิดของกันและกัน
น้องเรานี่มันโตเกินวัย เกินเพื่อนจริงๆ ด้วยนะ

วันนี้ วันอาทิตย์ ตั้งใจจะไปกินข้าวกับแม่
แล้วก็ให้โทรศัพท์มือถือเป็นของขวัญวันแม่ปีนี้


+++++++++++++++++


หลายครั้งที่เรื่องดีๆ ในชีวิต ไม่ได้เข้ามาเพราะว่าเราดีพอจะได้รับสิ่งนั้น

การเติบโตในแต่ละวัน หมี่ว่ามันคือ การยอมรับกับสิ่งที่เราเจอในแต่ละวัน
ยอมรับกับตัวเองว่าเรามันก็แค่เด็กน้อยที่ยังไม่ค่อยจะโต
เราเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่าันั้นได้ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่
เราควบคุมอะไรไม่ได้มากไปกว่าตัวเราเอง
และหลายๆ ครั้งก็ควบคุมตัวเองให้ทำอย่างที่ตั้งใจไม่ค่อยจะได้ด้วย

เรื่องดีๆ ในชีวิตมีคุณค่ามากมายจริงๆ นะคะ
โดยเฉพาะในเวลาที่เรารู้ตัวว่า เราไม่ควรที่จะได้รับมันสักเท่าไหร่
เรื่องดีๆ เหล่านั้น ช่วยทำให้ความรู้สึก "แย่" ของเราหายไป

ขอบคุณสำหรับทะเลและสายลมที่หาดเทียน
ขอบคุณสำหรับงานที่รอคอยมานาน
ขอบคุณสำหรับเพื่อนๆ ที่ได้เจอกันและคุยกัน
ขอบคุณสำหรับครอบครัวที่ดีมากๆ จริงๆ
ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างค่ะ