6.3.52

เหตุเกิดของความเครียด

ไม่ได้อัพเดท blog หลายวันมาก
พอมาอ่าน ก็รู้สึกว่าทิ้งท้ายเป็นเรื่องเครียดๆ เอาไว้นานเชียว
ไม่ได้ ไม่ได้ เดี็ยวคนอ่านจะไม่สดชื่น

ว่าแล้วก็มาเขียนเรื่อง "เหตุเกิดของความเครียด"
เรื่้องเครียดเป็นเรื่องที่หมี่พูดบ่อยมาก
เพราะว่าเครียดบ่อย
ยิ่งช่วงที่ผ่านมา มีคนทักเรื่องความเครียดของเราหลายคนเชียว
ประมาณว่าสัมผัสออร่าได้
ไม่ดีเลย ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ

พี่คนหนึ่งก็เลยให้แจกแจงความเครียดออกมา ส่งเป็นการบ้าน
เขียนแล้วก็กลัวเขาจะยิ่งไม่สบายใจ

แต่หมี่เขียนแล้วสบายใจขึ้นนะ
ถึงว่า คนเก็บกด มีปัญหา ต้องให้เขียนไดอารี่

เหตุเกิดของความเครียดสำหรับหมี่นะคะ
ไม่รู้คนอื่นเป็นไหม

1.กังวลว่างานจะไม่เสร็จตามที่ได้รับมอบหมาย
จะรู้สึก (ไปเอง) ว่างานกระชั้นอยู่ตลอดเวลา งานไม่เคยเสร็จและไม่มีวันเสร็จ
ต้องทำๆๆๆ ให้เร็วที่สุด ไม่พักก็ต้องทำ
ซึ่งบางทีก็ไม่ได้จำเป็นอะนะ

2.กังวลว่าคุณภาพงานจะออกมาไม่ดี
รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ถูกคาดหวังคุณภาพสูง แต่เราไม่ได้เชี่ยวชาญ ไม่ได้มีความสามารถด้านนั้นอย่างครบถ้วน ก็กลัวมันจะออกมาไม่ดี

3.กังวลว่าตัวเองจะทำสิ่งต่างๆ อย่างไม่เต็มที
ในความอ่อนแอและจำกัดของมนุษย์ มันก็มีหลายอย่างที่เปลี่ยนไม่ได้ แล้วถ้ามันเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งต่างๆ ก็จะยิ่งเครียดถ้าเราเปลี่ยนมันไม่ได้ รู้สึกว่าเป็นต้นเหตุเล็กๆ ที่มีผลต่อความผิดพลาดน่ะค่ะ

4.กังวลว่าตัวเองจะไม่พัฒนา
กลัวว่าจะไม่โตขึ้นอย่างที่ควรจะเติบโต และไม่กว้างขวางพอที่จะดูแลและช่วยเหลือคนอื่นได้ หรือเอาความรู้ข้อมูลที่มีมาทำสิ่งที่เกิดประโยชน์ไม่ได้อย่างดีที่สุด

อ่านแล้วเป็นไงคะ
เครียดไหม
ไร้สาระเนอะ

ที่จริงทุกเรื่องทุกความเครียดมันก็มีคำตอบและหลักการปรับโหมดของมันอยู่แล้วล่ะ
เพียงแต่ความเป็นมนุษย์ มันก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ทั้งหมดหรอก
แต่ความเป็นมนุษย์เนี่ยแหละ ที่จะช่วยให้เราเข้าใจ เติบโตขึ้น เรียนรู้
และอยู่อย่างมีความสุขทุกสถานการณ์ได้

เพราะมนุษย์ไม่ได้ถูกสร้างมาเป็นผู้วิเศษ ทำทุกสิ่งได้
เราก็เลยต้องเรียนรู้ที่จะเป็นอะไรที่เล็กน้อยในการทำสิ่งใหญ่ๆ
แล้วก็ร่วมมือกับคนอื่น ยอมรับในความผิดพลาดบ้าง

เพราะหมี่ชอบคิดว่า หมี่ต้องแบกๆๆ อะไรไว้เต็มไปหมด ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย
มีคนช่วยแบกอยู่ตั้งเยอะแยะ
กลายเป็นคนช่างเครียด ช่างขมวดคิ้ว

สรุปว่าช่วงนั้น
ปลงได้ เพราะเหตุการณ์ขำๆ บางอย่าง
มีอย่จันทร์หนึ่ง
ขึ้นรถเมล์ตั้งแต่เช้า เช้ากว่าปกติเยอะอยู่ แล้วก็ไปถึงออฟฟิศสายเท่าเดิม
แถมขึ้นไปแล้วไม่ได้นั่งอีกต่างหาก

ก็คิดได้ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
พยายามตื่นเกือบตาย
พอตื่นได้ ก็ดันเป็นวันที่รถติดหนักซะนี่
เราควบคุมได้เท่าที่เราถืออยู่นั่นแหละ
ซึ่งนับไปนับมาก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่หรอก

ยืนอ่านหนังสือบนรถเมล์ 2 ชั่วโมง พร้อมกับฟังเพลงไปด้วย
ก็ไม่ได้เป็นชีวิตที่เลวร้ายนักนี่นา
จะเครียดให้ชีิวิตมันหดหู่ไปทำม้ายยยย

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

HaHaHaHaHa...

คิดได้อย่างนี้ คงพอจะปลูกมะม่วงกินเองได้แล้วล่ะ ^^