พอเขียนคำว่า "ชนชั้นทางสังคม" แล้วรู้สึกว่าวิชาการมากๆ 
ทั้งๆ ที่คำนี้มันวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเราเป็นที่สุด 
 
ชนชั้นทางสังคมคืออะไร 
ในความเข้าใจของหมี่ มันคือการจัดลำดับขั้นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
จากการเอาอะไรสักอย่างที่ในสังคมนั้นๆ เชื่อว่าถูกต้องมาเป็นบรรทัดฐาน
จัดลำดับสูงต่ำกันโดยฝีมือมนุษย์ขี้เหม็นด้วยกันเองนี่แหละ
 
แม่งเป็นอะไรที่ไร้เหตุผลมาก
อยู่ดีๆ คนกลุ่มหนึ่งก็ถูกจัดให้อยู่ในฐานะที่ต่ำหรือสูงกว่าคนกลุ่มหนึ่ง
เพราะมีลักษณะหรือคุณสมบัติไม่เหมือนคนในกลุ่มนั้น
 
การจัดลำดับชนชั้นทางสังคมไม่ได้เห็นแค่ในอินเดีย
แต่เห็นอยู่ในหมู่บ้าน ห้องเรียน ที่ทำงานของเรานี่แหละ
และในสถานที่ที่ดูน่าจะไม่มีที่สุด อย่างเช่น โบสถ์ 
กลับพบการจัดลำดับชนชั้นทางสังคมเยอะที่สุด
 
ปากก็บอกว่ารักกัน ยอมรับกัน เพราะพระเจ้ารักเรา ยอมรับเรา
แต่การกระทำกลับมีการประเมินค่าของความเป็นคนดี อยู่ตลอดเวลา
น่ารังเกียจ
 
หมี่เป็นบุคคลชนิดพิเศษอย่างหนึ่ง คือเข้าได้กับคนทุกพวก ทุกประเภท 
(จะด่าว่าเป็นพวกจิ้งจกเปลี่ยนสีหรือนกแปดหัวก็ได้ ไม่สนใจอยู่แล้ว)
และไม่มีความสามารถในการจับความรู้สึก ว่ามึงเกลียดกูหรือไม่ เข้าใจไปเองว่าใครๆ ก็ดีกับเรา
การเป็นคนแบบนี้มีข้อดีอย่างหนึ่ง คือเราได้รู้จักและใกล้ชิดคนหลายแบบ
และไม่ได้เก็บไปคิดมากเป็นสรณะ ว่าหน้าไหนมันจะนินทาเราหรือทำอะไรไม่ดีลับหลังหรือเปล่า
เรียกว่า ดูใสซื่อและโง่ได้โดยไม่ต้องเสแสร้ง แอ๊บเนียน คนเกลียดไม่ค่อยลง (มั้ง) 
 
จากการที่ได้ไปเจอมาหลายคนหลายที่ 
ค้นพบว่าสัจธรรมอย่างหนึ่งของการเป็นคน ก็คือ ไม่มีใครดี 100% และไม่มีใครเลว 100%
ไม่มีใครโง่ตลอดเวลา และไม่มีใครฉลาดตลอดเวลา
จะดีหรือเลว โง่หรือฉลาด อยู่ที่ว่าเราทำอะไรกับใครต่างหาก 
 
เป็นเรื่องธรรมดามากที่คนที่ใครๆ ในสังคมนี้รู้สึกว่า ใช้ไม่ได้ 
กลับเป็นที่ชื่นชอบรักใคร่ของคนในอีกสังคมหนึ่ง
ถามว่า แล้วอะไรคือคำตอบที่ถูกต้อง
มีหรือไม่มี พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ (คนไม่เชื่อพระเจ้าบางคนยังพูดคำนี้เลย คนเชื่อพระเจ้าหลายคนกลับไม่สำเหนียก)  
 
ส่วนตัวหมี่คิดว่า การจัดลำดับชนชั้นทางสังคม รวมไปถึงการให้เกรดให้คะแนนประเมินค่าของคนต่างๆ นานา
เป็นผลพวงมาจากความหยิ่ง และการไม่ยอมรับความแตกต่างของมนุษย์ 
เป็นการไม่เชื่อว่า พระเจ้ามีวิธีการตัดสินของพระองค์เอง
โลกมีวิธีการคัดเลือกและตอบสนองต่อการกระทำของคนแต่ละคนในแบบของมันเอง
 
มนุษย์สร้างลำดับขั้นขึ้นมาปกป้องความอ่อนไหวและความไม่มั่นคงในจิตใจของตัวเองทั้งนั้น
ขีดเส้นและสร้างกฏอะไรสักอย่างที่ทำให้ตัวเองโล่งใจ ว่าเราอยู่ในที่ที่ควรอยู่แล้วล่ะ
เราอยู่ในมาตรฐานที่ถูกต้องของคนในสังคมนี้แล้วนะ ได้รับการยอมรับแล้วล่ะ
โดยที่ไม่รู้เลยว่า โลกโคตรกว้าง และไอ้การกระทำแบบนั้นน่ะ เป็นเรื่องของคนที่โลกโคตรแคบ 
 
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ คนเจ็บปวดกับความสัมพันธ์เพราะวิธีการประเมินค่าเหล่านี้แหละ
ลูกเจ็บปวดกับพ่อแม่ที่คาดหวัง เพื่อนเจ็บปวดเพราะเพื่อนไม่ยอมรับ
หญิงหรือชายเจ็บปวดที่อีกฝ่ายไม่เลือกตัวเองเพราะอยู่คนละชนชั้น 
ลูกเขยลูกสะใภ้เจ็บปวดเพราะถูกพ่อแม่คนรักดูถูก
 
การศึกษาและประสบการณ์ไม่ช่วยให้เข้าใจเรื่องพวกนี้
ความเจ็บปวดและการรับฟังคนอื่นต่างหาก ที่จะทำให้เราเข้าใจ 
 
 
"เราไม่ต้องการที่จะจัดอันดับหรือเปรียบเทียบตัวเราเองกับบางคนที่ยกย่องตัวเอง
แต่เมื่อเขาเอาตัวของเขาเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวปรียบเทียบกันและกัน
เขาก็เป็นคนขาดปัญญา"
2 โครินธ์ 10:12 
 
"เขาจะไล่ท่านเสียจากธรรมศาลา แท้จริงวันหนึ่งคนใดที่ประหารชีวิตของท่านจะคิดว่า
เขาทำการนั้นเป็นการปฏิบัติพระเจ้า"
ยอห์น 16:2
 
"เรามอบสันติสุขไว้ให้แก่ท่านแล้ว สันติสุขของเราที่ให้แก่ท่านนั้น 
เราให้ท่านไม่เหมือนโลกให้ อย่าให้ใจของท่านวิตก และอย่ากลัวเลย"
ยอห์น 14:27
13.8.54
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
 
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น