8.10.52

colorful no more?

โอ้ย คิดถึงหน้าว่างๆ
ไม่ได้เขียน Blog เขียนโน้ตซะนาน
รู้สึกเหงาๆ มือ แล้วก็เหงาๆ หัวใจอยู่บ้างเหมือนกัน

ประมาณกลางสัปดาห์ที่แล้ว ฝนตก
พกร่มออกจากบ้านเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี
เพิ่งรู้ว่าร่มที่บ้่านของตัวเอง คันใหญ่มากกก
ใหญ่จนถือไม่ไหว ก็เลยตั้งใจว่า จะซื้อร่มพกติดกระเป๋าตัวเองสักที

ระหว่างทางกลับบ้าน ลงป้ายรถเมล์แถวบางพลัดไปต่อรถ
เจอผ้าใบแบะกะดินขายร่มริมถนนร้านหนึ่ง
มีร่มให้เลือกไม่ถึง 10 แบบ
ราคา 100 บาท ทำให้ไม่ค่อยแน่ใจในคุณภาพสักเท่าไหร่

แต่เหตุผลที่ทำให้เดินไปเยี่ยมร้านและได้ร่มพับ 3 ตอนสีน้ำตาลติดมือกลับมา
ก็คือคุณลุงพ่อค้า ที่กุลีกุจอต้อนรับลูกค้าอย่างดี
คุณลุงรื้อร่มจากซองมากางให้เลือก 2 คัน (และมีทีท่าจะรื้ออันต่อไป ถ้าไม่บอกให้หยุด)
บรรยายสรรพคุณ พร้อมชี้เครื่องหมายรับรองรางวัลระดับเอเชียให้ดู
รอยยิ้มจริงใจ ทำให้ไม่ลังเลเลยในการควักกระเป๋า

หลังจากนั้น ก็เศร้าไปอีกหลายวัน ทุกครั้งที่นั่งรถผ่าน
คุณตาขายร่มได้วันละกี่คัน กำไีรที่ได้จะพอกินข้าวไหม
ลูกหลานคุณตาไปไหน
ตอนกลางวัน คุณตานั่งตรงนั้นจะต้องตากแดดหรือเปล่า

เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนเศร้าๆ
เศร้ากว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เหมือนกับเพิ่งจะรู้ความจริงว่า
ในโลกนี้มีเรื่องอะไรที่น่าเศร้าและเจ็บปวดเต็มไปหมด
เหมือนกับเพิ่งจะเห็นว่า
มันมีอะไรมากกว่ารอยยิ้มของคนบางคน
มีอะไรมากกว่านิสัยไม่ดีของคนบางคน

ไอ้เรื่องที่เคยคิดว่าดี มันก็กลับกลายเป็นไม่ใช่
ไอ้เรื่องที่เคยไม่เห็นด้วย ตอนนี้กลับทำซะเอง

การเติบโตขึ้นกับมุมมองที่เปลี่ยนไป
บางทีมันก็ทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องตลก
ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันคือเรื่องจริง
คนแต่ละคนต้องเจอกับเรื่องพวกนี้จริงๆ
ท่าทางจะต้องใช้เวลาปรับตัวอยู่พอควร

ในขณะที่ความฝันและความหวัง ยังรอให้เดินไปหา
ก็เริ่มรู้่อย่างจริงจังว่าโลกนี้มันกว้าง
เรามันแค่เด็กน้อยที่ทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ ช่วยใครได้ไม่มากนัก
ก็เลยจะยากหน่อย ในการรื้อฟื้นความสุขสดใสแบบเดิมให้กลับมา
พยายามที่จะหวังและเชื่อให้เต็มหัวใจเหมือนก่อน
โดยที่รู้ว่าเราควบคุมอะไรไม่ได้เลย

Dark ไหมล่ะคะ
ไม่เป็นไรค่ะ
การมีชีวิตแบบเศร้าๆ ก็ยังดีกว่ามีชีวิตที่รู้สึกอะไรไม่เป็น
ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เราเห็นโลกอย่างที่มันเป็นซะที
ขอบคุณพระเจ้าสำหรับร่มของคุณลุง

ไม่มีความคิดเห็น: