12.5.52

New World: โลกแบน

เมือวันก่อนได้อ่านหนังสือ The World is Flat
"ใครบอกว่าโลกกลม"

ไม่ใช่หนังสือต่อต้านการทรงสร้างของพระเจ้าหรือล้มล้างข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ใดๆ
แต่หนังสือเล่มนี้อัพเดทให้เราฟัง ว่าเทคโนโลยีและความก้าวหน้าของโลกนั้นไปถึงไหนแล้ว
กำแพงชนชั้นวรรณะ การเมือง ศาสนา ความห่างไกลของพื้นที่ ถูกทำลายไปมากมายเหลือเกิน
โลกถูกต่อเชื่อมกันอย่างทั่วถึง

ปัจจุบันมีการขยายและกระจายงานจากประเทศชั้นนำ ไปสู่ประเทศที่กำลังพัฒนา
มีการร่วมงานกันของบริษัทเล็กใหญ่ สร้างเป็นระบบเครือข่าย หากำไรจากทั่วโลก
เด็กอายุไม่เกิน 20 ปี สามารถสร้างพลังแห่งความคิดเห็นที่กระทบไปยังผู้นำสูงสุดของใดๆ ในโลกได้
ระบบถูกสร้างขึ้น เพื่อ support องค์กรหลายๆ องค์กร ให้ได้ประโยชน์สูงสุดพร้อมๆ กัน จากธุรกิจเดียวกัน

มีอะไรที่ไม่น่าเป็นไปได้เกิดขึ้นบนโลกกลมๆ ใบนี้อย่างต่อเนื่อง

สิ่งที่หมี่ค้นพบและเชื่อก็คือว่า...
มนุษย์กำลังใช้สติปัญญาของตัวเองอย่างมีคุณภาพและกว้างมากขึ้น
กรอบต่างๆ ที่เคยมี ถูกปรับ เปลี่ยน ขยายออกไปจนแทบไม่มีขอบเขต

และตัวแปรสำคัญ คือคนอื่น องค์กรอื่น
ที่เมื่อนำมาวางอย่างถูกตำแหน่งในงานธุรกิจของเรา
จะเกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาล ต่อเรา และต่อเขา
ก็จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนได้ในมุมมองที่ไม่น่าเชื่อ

เป็นปรากฏการณ์แบบ Win Win คือได้ประโยชน์ทุกฝ่าย
ถามว่าดีไหม "ดี"
แต่ถามว่ายากไหม ก็ตอบว่า "ยาก"

ขณะที่โลกกำลังหมุนไปเรื่อยๆ
ความแบนของมัน ก็ทำให้คนต่างก็ต้องการจะเสนอความคิดเห็นของตนเองให้มีผลต่อสังคม
เรียกร้องพื้นที่ เรียกร้องประโยชน์และสิทธิ
บริษัทและองค์กรต่างๆ ต่างก็ต้องการการขับเคลื่อนที่มากขึ้น ผลกำไรที่มากขึ้น
ชื่อเสียง การมีอิทธิพลต่อสังคม

สำหรับคนที่อยู่ในโลกเดิมๆ คนเหล่านี้ดูจะก้าวร้าวและใช้เสรีภาพเกินขอบเขต
บริษัทต่างๆ ดูจะเริ่มหาประโยชน์จนไม่สนใจความเป็น "มนุษย์" อีกต่อไป
(อันนี้ลองวัดความรู้สึกของคนในโลกเก่าอย่างประเทศไทย กับบริษัทแนวใหม่ที่ชื่อว่า Amway)

จุดเสี่ยงของคนและบริษัทในโลกใหม่ คือ คุณไม่สามารถที่จะไม่มีความมุ่งมั่นแนวแน่
คมชัด ฉลาดเฉลียว และความเป็นตัวจริงของคุณที่อยู่เพื่อคนอื่น
การอยู่เพื่อคนอื่นสร้างความกล้าหาญ...
เพราะไม่ต้องปกป้องตัวเองหรือผลประโยชน์ของตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง
ความฉลาดเฉลียวและคมชัด ทำให้คุณรู้จักสิ่งที่คุณจะทำ
จุดเด่นขององค์กรที่คุณจะร่วมงานด้วย คนที่คุณจะสัมพันธ์
รวมไปถึงเนื้อหาที่คุณจะสื่อสาร
ความมุ่งมั่นแน่วแน่ ทำให้คุณไม่หันหลังกลับไปจากทางใหม่ที่คุณกำลังฝ่าดงเดินไป จนกว่าจะถึงเป้าหมาย

จุดเสี่ยงของคนและบริษัทในโลกเก่า คือ ถ้าคุณไม่เปิดใจยอมรับกรอบที่คุณไม่เคยเชื่อ และไม่ค้นหา ไม่เปิดใจเรียนรู้และยอมรับตัวตนของคนและความเป็นไปของโลกอย่างที่มันเป็นจริงๆ คุณจะเป็นผู้แพ้
ต้องอาศัยความใจกว้างเป็นอย่างมากทีเดียว ที่จะรับฟังคำวิจารณ์ในเรื่องที่เราเป็นจากคนอื่นที่เราไม่ได้รู้จัก
แต่มันก็เป็นการดีทีเดียวที่จะช่วยให้เราได้พัฒนา
และต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างมากเช่นกัน ที่จะยอมให้บริษัทใดมาร่วมอยู่ใน Function ที่องค์กรของเราไม่มีวันทำได้
อาจทำได้เพียงแค่เลือกที่จะเชื่อจากข้อมูลและการเจรจาที่พยายามทำให้เราได้รู้จักกันมากที่สุด และจากความรู้สึกในสัญชาติญาณมนุษย์

คนในโลกเก่าที่ถูกสอนให้ระวังคนรอบข้าง กลัวการเปลี่ยนแปลง และ Play Save ตลอดเวลา จะกล้าทำอะไรแบบนี้ได้อย่างไร
แล้วคุณจะไปสู้พลังของหลายๆ บริษัท ที่เอาจุดแข็งมาช่วยกันทำงานได้อย่างไร

หมี่เคยเขียนไว้ใน review ของ multiply
ตัวจริงเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ตัวจริงในโลกใหม่ คุณจะอยู่ได้คงทน และโตขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนตัวจริงในโลกเก่า
หมี่เชื่อว่า ถ้าคุณเป็นตัวจริง
คุณจะหลุดกรอบ "เก่าๆ" นั้นออกมาได้ในวันหนึ่งค่ะ

สู้เพื่ออยู่รอดกับกระแสโลกต่อไปนะคะ ชาวโลก

2 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

แปลกไหม
เมื่อก่อน คนเราถูกขังอยู่ในความกลัวว่าโลกแบน หากแล่นเรือไปไกลเกินจะตกขอบโลก

จนมีคนกล้าเชื่อตามพระคัมภีร์ว่า โลกนั้นกลมเหมือนผลส้ม จึงแหกคอกพิสูจน์สิ่งที่ตนเชื่อและค้นพบทวีปใหม่เป็นรางวัล

ทุกวันนี้ ใครๆก็รู้ว่าโลกกลม แต่หลายคนกลับขังตัวเองอยู่ในโลกกลมๆที่ตัวเองเชื่อว่ามองเห็น

โลกทุกวันนี้ แบนลงเรื่อยๆ
เราสามารถ "เห็น" ผู้คนอื่นๆได้มากขึ้น เร็วขึ้น และง่ายขึ้นเรื่อยๆ

ถึงกระนั้น บางคนก็ยังพยายามวิ่งเอามือปิดตาคนอื่น พลางร้องตะโกนชวนเชื่อว่า แท้จริงโลกเรานี้กลม...และมันจะกลมอย่างนี้ตลอดไป
(ก็บอกแล้วว่า ใครๆเขาก็รู้ว่า โลกกลมๆใบนี้ มันแบนลงเรื่อยๆ)

mameowka กล่าวว่า...

ส่งหนังสือมาให้ด้วย
อืมม
ไม่ต้องดีกว่า เดี๋ยวเค้ากลับไปเอาเองงงงง