10.10.51

สแต็ค...

ลองเขียนบล๊อกแบบใหม่
ชิดขอบซ้่าย
แอบผิดวิสัยการเขียนปกติของตัวเอง
แต่ว่าก็น่าจะแปลกตาดี



ที่จริงสมองของมนุษย์เหมือนถูกสร้างมาให้ใช้งานได้อย่างไม่จำกัด
เพราะไอ้ที่ใช้กันเยอะๆ นี่ก็ไม่กี่เปอร์เซ็นต์เอง
แต่ก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของความเป็นมนุษย์...ที่เต็มไปด้วยความจำกัด
บางทีก็รู้สึกเหนื่อยสมอง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ไปจัดกิจกรรมสอนกีฬาสแต็คให้กับน้องๆ
ที่งาน Kids of the World 2008
ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม
จะเด็ก จะผู้ปกครอง ม.ต้น ม.ปลาย ประถม มหาลัย
ร้อยทั้งร้อย เข้ามา้เล่นแล้วต้องติดใจ
เพราะว่าเป็นกีฬาที่สนุก ตอนแรกที่่เห็นก็ไม่คิดว่าจะสนุกขนาดนี้
แปลกตรงที่ กำเนิดมาตั้ง 25 ปีแล้ว แต่คนไทยเพิ่งจะรู้จัก
หรือที่จริง เราเพิ่งจะรู้จัก (แล้วค่อยเอาเข้ามาให้คนไทยรู้จัก)

มีเด็กผู้ชายหนึ่งคน ที่เป็นเด็กอารมณ์ร้อนมาก
คุณพ่อพาเข้ามาเล่นกีฬาสแต็คกับเรา
แล้วกีฬาสแต็คก็เปลี่ยนน้องให้เย็นลง มุ่งมั่น มีสมาธิมากขึ้น
คุณพ่อก็คงดีใจมาก เอาข้าวกล่องใส่กระเป๋าให้น้องมากินที่บูธ
ปล่อยน้องเอาไว้ แล้วก็ไปทำงาน

เด็กผู้ชา่ยคนนี้ เป็นเด็กถนัดซ้าย เอ็นนิ้วก้อยขาด
แต่เขาเล่นกีฬาชนิดนี้ เล่นดีซะด้วย ลงแข่งบันทึกสถิติกับเราทุกวัน
ถ้าเราเป็นคุณพ่อของน้อง เราก็คงดีใจมาก
และถ้าคุณพ่อของน้องเป็นเรา ก็คงรู้ว่าเรามีความสุขขนาดไหน

เด็กผู้ชายอีกหนึ่งคน บ้านไม่น่าจะมีฐานะอะไรมาก
มาเล่นกีฬาสแต็คกับเรา แล้วก็ซื้อแก้วกลับบ้าน
ปรากฏว่าวันต่อมา แก้วหายระหว่างเดินทางมาเก็บสถิติที่บูธ
น่าสงสารมาก

แต่ก็ยังมีน้ำใจนักกีฬา มาแข่งอย่างต่อเนื่อง แม้ไม่มีแก้วซ้อม

วันสุดท้าย เขาแข่งได้คะแนนเป็นอันดับที่ 2
และมีสิทธิได้ไปแข่งรอบสุดท้ายที่พารากอน
เพราะว่า ที่หนึ่งได้รางวัลจากประเภทอื่นไปแล้ว
คุณแม่โทรมา จะซื้อแก้วใหม่ให้ไปซ้อมก่อนแข่งจริง

เสียดายแก้วสแต็คอันเก่า แต่ก็มีความสุขกับน้อง ที่ได้แก้วสแต็คอันใหม่ไว้ซ้อม

คนที่มาเล่นกับเรา 2-3 วันแรก เริ่มเป็นรุ่นพี่สอนุร่นน้อง
เริ่มช่วยเก็บของ ช่วยจัดของในบูธ

..........................

บางทีก็รู้สึกว่าตัวเองเห็นแก่ตัวจัง
ไม่อยากทำในสิ่งที่ควรทำ
เวลาเห็นคนอื่นเหนื่อยๆ ก็ไม่รู้จะเข้าไปช่วยยังไง
ช่วยอะไรใครไม่ค่อยได้

บางที...ได้มีความสุขกับชีวิตของคนอื่น
ก็ช่วยต่ออายุกำลังใจของตัวเองได้เยอะเหมือนกันนะ

ขอให้เป็นกีฬาที่มีผลอย่างอัศจรรย์ต่อร่างกายและจิตใจของคนไทย
ทั้งเด็กไทยและผู้ใหญ่ไทยเลยนะคะ พระเจ้า

มันย่ำแย่แบบรุนแรงเกินไปแล้วล่ะ
บ้านเมืองนี้
หดหู่จริง

ไม่มีความคิดเห็น: